“ทีมงาน open online คิดกันแต่แรกว่า ไม่เอาเว็บบอร์ด เราอยากทำตัวเป็น ‘ห้องสมุด’ มากกว่า ‘ร้านกาแฟ’ เพราะสื่ออินเทอร์เน็ตหลายสื่อเป็นร้านกาแฟแล้วน่ะ นั่งคุยกันแล้วก็นินทา คุยกันเอามัน ไม่ต้องรับผิดชอบความเห็นตัวเอง แต่การอ่านทำให้คุณต้องคิด สังเคราะห์ แล้วเขียนออกมา สังคมนี้ไม่ค่อยมีพื้นที่เงียบๆให้เราได้นั่งอ่านแล้วครุ่นคิดกับตัวเอง open online จึงขอเป็นแหล่งรวมหนังสือหลายๆเล่ม จากคนเขียนหลายคน หลายความคิด ให้ผู้อ่านได้เข้ามานั่งอ่านกัน เราไม่มีจุดยืนรวมหมู่ เพราะนักเขียน open ไม่ได้คิดเหมือนกันหมด แต่มีความหลากหลายในหน้าที่การงาน และความเห็น”
Author: pokpong
DIY: ประเทศเราสร้างเองได้
กล่าวอย่างเป็นรูปธรรม สถาบัน TSI พยายามผลักดันการสร้าง ‘เมืองลอยน้ำ’ ในพื้นที่มหาสมุทรซึ่งไม่อยู่ในเขตแดนของประเทศใด เป็นเมืองขนาดเล็กจิ๋วที่เป็นอิสระสำหรับเหล่าชนที่ไม่เอารัฐบาล ต่อต้านรัฐชาติสมัยใหม่ ไม่พึงพอใจในอารยธรรมร่วมสมัยของมนุษยชาติในยุคสมัยปัจจุบัน มาลงมือสร้างประเทศใหม่ กระทั่งอารยธรรมใหม่ ซึ่งมีตัวเองเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง!
ฟรีดแมนบอกว่า ผืนดินส่วนใหญ่ในโลกล้วนมีเจ้าของแล้ว การ ‘ออกทะเล’ จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการสร้าง ‘เมือง’ ใหม่ (หรือจะเรียกว่า ‘ชาติ’ หรือ ‘ประเทศ’ ก็ว่ากันไป) หากต่อสู้กับรัฐบาลบนผืนดินดั้งเดิม ก็ต้องหาทางเอาชนะสงคราม ชนะการเลือกตั้ง หรือไม่ก็ต้องปฏิวัติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากที่คนธรรมดาสามัญจะทำได้สำเร็จ สู้มาสร้างเมืองลอยน้ำขนาดเล็กจิ๋วในพื้นที่ซึ่งยังไม่มีคนจับจองและไม่ได้เป็นของชาติใดให้เป็นเขตปลอดอำนาจรัฐและการกำกับควบคุมทั้งปวงกันดีกว่า
Radiohead: “โลกนี้มีอะไรฟรี … แต่ไม่เอา!”
สมมติว่า วงดนตรีชื่อดังที่ท่านชื่นชอบนำอัลบั้มใหม่ที่ยังไม่ได้วางขายตามแผงมาให้ท่านดาวน์โหลดผ่านทางเว็บไซต์ ให้เก็บไว้ฟังได้ครบทุกเพลง มิหนำซ้ำยังบอกด้วยว่า ให้ท่านตั้งราคาซื้อขายได้เองตามใจชอบ รักมาก ก็ให้มาก รักพอเพียง ก็ให้แบบพอดีพองาม หรือใจร้ายอยากดาวน์โหลดไปฟังฟรี ไม่จ่ายสักแดง คนขายก็ไม่ว่ากัน
เรียกว่า ตั้งราคาแบบตามใจคนซื้อเต็มที่ คนฟังอยากจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ ไม่จ่ายเลยก็ได้
ลองถามตัวเองว่า ถ้าเป็นท่าน จะยินดีจ่ายเงินไหมครับ และจะจ่ายเท่าไร
Post Washington Consensus
เมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะตกต่ำอย่างหนัก อันเป็นผลพวงจากความล้มเหลวของการทำงานของตลาดการเงิน ซึ่งทำงานอยู่บนฐานของความโลภส่วนตน แต่ไร้ซึ่งการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยโครงสร้างสิ่งจูงใจที่บิดเบือน (Moral Hazard) และผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ตลาดไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีประสิทธิภาพเหมือนดังคำทำนายของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมาตรฐาน
ผู้คนทั่วโลกตั้งคำถามท้าทาย “ฉันทมติแห่งวอชิงตัน” อย่างหนักหน่วง ในฐานะปัจจัยสำคัญที่นำพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤตรุนแรง เกิดกระแสด้านกลับต่อฉันทมติแห่งวอชิงตัน เช่น การเรียกร้องระบบกำกับดูแลตลาด โดยเฉพาะตลาดการเงิน เพื่อจัดการกับปัญหาผลกระทบภายนอกด้านลบ (Negative Externalities) ที่เกิดจากตลาดการเงิน โดยไม่ให้การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนขัดกับผลประโยชน์ส่วนรวมของสังคม รวมถึง การสนับสนุนบทบาทของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นเป้าหมายด้านการจ้างงานเป็นสำคัญ เป็นต้น
การปฏิรูประบบกำกับดูแลภาคการเงิน
วิกฤตการณ์การเงินรอบนี้เป็นประจักษ์พยานชี้ชัดว่า ตลาดการเงินเสรีในยุคโลกาภิวัตน์ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้ทำงานบนฐานของความมีเหตุมีผล ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่สามารถดูแลจัดการแก้ปัญหาด้วยตัวกลไกตลาดเองได้ และเต็มไปด้วยความไร้เสถียรภาพและความไม่แน่นอน เช่นนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องมีกลไกเชิงสถาบันเข้ามาร่วมกำกับดูแล ตรวจสอบ และจัดการตลาดการเงิน เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพ มีความรับผิดชอบ มีความยุติธรรมและลดความเสี่ยงในการเกิดวิกฤตการณ์การเงิน พูดง่ายๆ คือ ต้องมีการออกแบบระบบกำกับดูแลภาคการเงินที่ดีนั่นเอง
ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกใหม่
เมื่อเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะตกต่ำอย่างหนัก อันเป็นผลพวงจากความล้มเหลวของการทำงานของตลาดการเงิน ซึ่งทำงานอยู่บนฐานแห่งความโลภส่วนตน แต่ไร้ซึ่งการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ เต็มไปด้วยโครงสร้างสิ่งจูงใจที่บิดเบือน และผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ตลาดไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพเหมือนดังคำทำนายของทฤษฎีเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมาตรฐาน ผู้คนทั่วโลกจึงเริ่มตั้งคำถามท้าทาย “ฉันทมติแห่งวอชิงตัน” อย่างหนักหน่วง ในฐานะปัจจัยสำคัญที่นำพาเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤตรุนแรง และเกิดกระแสด้านกลับต่อฉันทมติแห่งวอชิงตัน เช่น การเรียกร้องระบบกำกับดูแลตลาด โดยเฉพาะตลาดการเงิน การสนับสนุนบทบาทของรัฐบาลในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นเป้าหมายด้านการจ้างงานเป็นสำคัญ เป็นต้น
ไอเอ็มเอฟกับมาตรการควบคุมทุน
ไอเอ็มเอฟยืนอยู่ข้างฝ่ายสนับสนุนการเปิดเสรีการเงินและต่อต้านมาตรการควบคุมทุนอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนกระทั่งวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หมุดหมายสำคัญในสายธารแห่งการถกเถียงเรื่องการเปิดเสรีการเงินก็ถูกปักลง เมื่อไอเอ็มเอฟตีพิมพ์ ‘บันทึกจุดยืนของทีมเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ’ (IMF Staff Position Note) ซึ่งมีเนื้อหาหลักดังที่หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลพาดหัวข่าวในเวลาต่อมาว่า “ไอเอ็มเอฟแนะนำให้ประเทศเศรษฐกิจใหม่ใช้มาตรการควบคุมทุน”
ในบันทึกฉบับนั้น ไอเอ็มเอฟยอมรับว่า มาตรการกำกับและจัดการทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ หรือ “มาตรการควบคุมทุน” (Capital Controls) ควรถูกนับรวมเป็นหนึ่งใน ‘ชุดเครื่องมือ’ อัน ‘ชอบธรรม’ ที่ประเทศเศรษฐกิจใหม่สามารถหยิบมาใช้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ เฉกเช่นเดียวกับนโยบายการเงิน นโยบายการคลัง นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน การแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศ และการกำกับดูแลระบบการเงินภายในประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เหล่านักเศรษฐศาสตร์ให้การยอมรับเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว
ท่าทีดังกล่าวถือเป็นการ ‘กลับหลังหัน’ ด้านนโยบายเศรษฐกิจการเงินระหว่างประเทศของไอเอ็มเอฟครั้งสำคัญ เพราะแต่เดิมมีทีท่าปฏิเสธมาตรการควบคุมทุนอย่างแข็งขันมาโดยตลอด
ไอเอ็มเอฟกับการเปิดเสรีการเงินระหว่างประเทศ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund) หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของ ‘ไอเอ็มเอฟ’ เป็นป้อมปราการสำคัญของนักเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมใหม่ ไอเอ็มเอฟมีบทบาทในการผลิตสร้าง สนับสนุน และผลักดันนโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ไปยังประเทศกำลังพัฒนาตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
นโยบายหลักซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายเสรีนิยมใหม่คือ การเปิดเสรีการเงินระหว่างประเทศ (Financial Liberalization) หรือการเปิดเสรีบัญชีทุน (Capital Account Liberalization) ซึ่งหมายถึง การทำให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น หุ้น พันธบัตร เงินตราต่างประเทศ เงินฝาก เงินกู้ ตราสารอนุพันธ์ รวมถึงเงินลงทุน ดำเนินไปอย่างเสรีตามกลไกตลาด ลดการกำกับควบคุมโดยรัฐ และยกเลิกข้อจำกัดและกฎกติกาที่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศอย่างเสรี
สิบความคิดที่ส่งผลต่อตัวตนของไอเอ็มเอฟ
ไอเอ็มเอฟมิใช่สถาบันที่ปราศจากอุดมการณ์เบื้องหลัง นักเศรษฐศาสตร์หลายคนตีตราไอเอ็มเอฟในฐานะสถาบันที่แปลงอุดมการณ์เสรีนิยมใหม่ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ประจักษ์พยานที่เห็นเด่นชัดในปัจจุบันคือ ข้อเสนอเชิงนโยบายที่ไอเอ็มเอฟเสนอแก่ประเทศที่เผชิญวิกฤตการณ์เศรษฐกิจล้วนเดินตามนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมใหม่เป็นสำคัญ
ในทางหนึ่ง ตัวตนของไอเอ็มเอฟได้รับอิทธิพลและมีวิวัฒนาการต่อเนื่องจากการเผชิญหน้าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเศรษฐกิจโลก ในอีกทางหนึ่ง ไอเอ็มเอฟก็เป็นผู้เขียนเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเศรษฐกิจโลกเสียเอง
ในทางหนึ่ง ตัวตนของไอเอ็มเอฟได้รับอิทธิพลจากความคิดและองค์ความรู้ในวงวิชาการเศรษฐศาสตร์ ในอีกทางหนึ่ง ลักษณะตัวตนของไอเอ็มเอฟกลับส่งอิทธิพลกำหนดความเป็นไปและพัฒนาการขององค์ความรู้ในวงวิชาการเศรษฐศาสตร์
คุยเรื่องการ์ตูนกับ mud
กรณีแบนการ์ตูนเป็นเรื่องเดียวกับกรณีแบนหนังของคุณอภิชาตพงศ์ (วีระเศรษฐกุล) กรณีจับนิยายโรมานซ์ในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ กรณีภาพวาดภิกษุสันดานกา มีคนทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี แต่จริงๆแล้วไม่รู้ แถมงี่เง่าคับแคบไร้รสนิยมอีกต่างหาก มันทำลายวงการศิลปะ ทำลายความคิดสร้างสรรค์ สารที่ผ่านสื่อได้ต้องมี “ความเป็นไทย(ๆ)” (เน้นเสียง) วงการศิลปะบ้านเราเลยไปไหนไม่ได้ งานก็วนเวียนอยู่ในอ่าง เชิดชูผู้คนบางแบบและคุณธรรมบางอย่าง นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะตรรกะแบบนี้มันเชื่อมโยงกันไปหมด ทั้งศิลปะ การเมือง และเศรษฐกิจ

