อ่านบทความชิ้นใหม่ๆ ของปกป้องได้ทาง The101.world
บทความเศรษฐกิจการเมือง
มองการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาแบบฉลาดหลังเหตุการณ์ (ทั้งที่ยังไม่หายโง่)
ผมติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2016 อย่างหงอยๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นการเลือกตั้งที่หมดสนุก สลดหดหู่ และไร้ซึ่งความหวังที่สุดตั้งแต่ติดตามการเมืองอเมริกามากว่า 25 ปี (ไม่นับกระแส feel the bern ของคุณปู่เบอร์นี่ แซนเดอร์ส สมาชิกวุฒิสภารัฐเวอร์มอนต์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต)
ทั้งฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ต่างก็เป็นผู้สมัครที่มีคนเกลียดมากกว่าคนรักในสายตาของประชาชนทั่วไป (ระดับ 60:40 พอกันทั้งคู่) ไม่ต้องพูดถึงกองเชียร์ของพรรคฝั่งตรงข้ามที่โคตรเกลียด ส่วนกองเชียร์ภายในพรรคตัวเองจำนวนมากก็ไม่ชอบหน้าเช่นกัน
เพียงแค่ 8 ปี บรรยากาศแห่งความหวังที่โอบามาปลูกไว้ในการเลือกตั้งปี 2008 ก็มลายสิ้นจากสังคมการเมืองอเมริกัน เหลือเพียงความเป็นจริงทางการเมืองที่ขมขื่น ฉาวโฉ่ ไร้ทางเลือก เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและความเกลียดชัง
ดาบในมือผู้นำ
ใครเคยเยี่ยมชม National Museum of American History หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สังกัด Smithsonian Institution กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. น่าจะเคยเห็นรูปปั้นนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนชั้นสอง
ดูออกไหมครับว่านี่คือรูปปั้นของจอร์จ วอชิงตัน ผู้นำการปฏิวัติอเมริกันเพื่อประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ประธานการประชุมร่างรัฐธรรมนูญที่ฟิลาเดลเฟียในช่วงฤดูร้อนปี 1789 บิดาผู้ก่อร่างสร้างประเทศ และประธานาธิบดีคนแรกสหรัฐอเมริกา
บทเรียนการเมืองไทยจาก ‘บรรหาร ศิลปอาชา’
ไม่ว่าชีวิตของรัฐบุรุษหรือมหาโจรต่างมีบทเรียนสอนใจเราทั้งนั้น ชีวิตของคุณบรรหาร ศิลปอาชา ก็เช่นกัน ในฐานะผู้สนใจการเมือง ผมได้เรียนรู้บทเรียนหลายประการจากชีวิตทางการเมืองของคุณบรรหาร
รำลึก 100 ปี ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในสังคมไร้สันติประชาธรรม
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องให้ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในวาระครบรอบ 100 ปี ชาตกาล
ในวาระพิเศษเช่นนี้ การรำลึกถึงอาจารย์ป๋วยอย่างดีที่สุดคือ การศึกษาความคิดและผลงานของอาจารย์ป๋วย ไม่ใช่กราบไหว้ท่านเหมือนรูปเคารพอันศักดิ์สิทธิ์ หรือตามแห่แซ่ซ้องสรรเสริญ มัวแต่ “อ้างป๋วย” โดยไม่เคย “อ่านป๋วย” ว่าท่านคิดเขียนอะไรทิ้งไว้ ท่านยึดมั่นอุดมการณ์แบบไหน และมีภาพของสังคมไทยในอุดมคติเป็นเช่นไร
เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยด้านกลับของ “คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ผมขอชวนทุกท่านมาร่วมกัน “อ่านป๋วย” กันใหม่อีกสักครั้งหนึ่ง เผื่อจะได้เข็มทิศทางจริยธรรมเป็นหลักยึด เก็บเกี่ยวภูมิปัญญาไปคิดต่อยอด และรับแรงบันดาลใจในการต่อสู้เพื่อสังคมไทยในฝัน จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน กันต่อไปครับ
อ่าน ความเป็นไทย 12 ประการ
จากยุคจอมพล ป. มาสู่ยุคของนายพล ป. จาก ‘รัฐนิยม’ 12 ฉบับ มาสู่ ‘ค่านิยม’ 12 ประการ ดูคล้ายว่าความรับรู้เรื่อง ‘ความเป็นไทย’ กระแสหลักยังคงแน่นิ่งอย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างมหาศาล ผลที่ตามมาคือเสียงเรียกร้องคุณค่าใหม่และความหมายใหม่ของ ‘ความเป็นไทย’ ที่แตกต่างจาก ‘ความเป็นไทย’ กระแสหลักดั้งเดิม จะดังกังวานขึ้นเรื่อยๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและกั้นขวางได้
อ่านใหม่ ความชอบธรรมในมหาวิทยาลัย
อ่านความคิดของอาจารย์ป๋วยแล้ว จะเห็นว่า มหาวิทยาลัยในอุดมคติของท่าน คือมหาวิทยาลัยที่มีความชอบธรรม อันเป็นเรื่องเดียวกับ ประชาธิปไตย เสรีภาพ และ(สันติ)ประชาธรรม ซึ่งท่านนิยามว่า “ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นธรรม และธรรมเกิดจากประชาชน … อำนาจสูงสุดมาจากธรรมของประชาชน … ทั้งหมู่” (ป๋วย อึ๊งภากรณ์, จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง เรียนนายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ, 2515) มิใช่จากเผด็จการผู้ทรงธรรมแต่อย่างใด
อ่าน ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ พิศผู้หญิงในชีวิตของ ‘สันติวิธี’
สำหรับปาฐกถาป๋วย อึ๊งภากรณ์ “พิศ(ษ)ผู้หญิงในชีวิตของสันติวิธี” โดย ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ หัวใจสำคัญคือคำถามหลักที่ว่า บทบาทที่โดดเด่นของผู้หญิงส่งผลอย่างไรต่อการเข้าใจชีวิตของสันติวิธี? อาจารย์ชัยวัฒน์เลือกที่จะ ‘เล่นมายากล’ แสวงหาคำตอบมาสนทนากับเราด้วยการสำรวจชีวิตของ ‘สันติวิธี’ ผ่านเรื่องราวชีวิตจริงของผู้หญิงสี่คนที่ทำให้ “สันติวิธีมีชีวิตที่มีความหมายลึกล้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์”
อ่าน คอร์รัปชั่น ประชาธิปไตย และสังคมไทยในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
คอร์รัปชั่นจึงเป็นปัญหาทางการเมืองเรื่องความไม่เท่าเทียมเชิงอำนาจ และความอยุติธรรมทางสังคม สาเหตุเชิงโครงสร้างของคอร์รัปชั่นมาจากโครงสร้างและระบอบการเมืองที่ผูกขาดอำนาจ ดังนั้น ในด้านหนึ่ง การร้องหาคนดีเพียงเท่านั้นไม่ช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ต้องมองเชิงโครงสร้างและระบบโดยไปไกลกว่าเรื่องจริยธรรมส่วนบุคคล ในอีกด้านหนึ่ง คอร์รัปชั่นก็มิได้เป็นแค่ปัญหาเชิงเทคนิค มิได้มีแค่มิติทางเศรษฐศาสตร์เท่านั้น เราหวังพึ่งเทคโนแครตมาออกแบบระบบที่ดีแล้วหวังว่าปัญหาจะหมดสิ้นก็ไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องคำนึงถึงมิติทางการเมือง เช่น การต่อสู้เชิงวาทกรรม และความชอบธรรมเชิงอำนาจของการต่อสู้กับคอร์รัปชั่นด้วย
‘เสรีประชาธรรม’ กับ ‘หมู่บ้านไทยเจริญ’
หลังจากที่จอมพล ถนอม กิตติขจร ทำรัฐประหารยึดอำนาจตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 หลังจากเพิ่งประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่ใช้เวลาร่างนับสิบปีในปี 2511 และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2512 ซึ่งพรรคสหประชาไทยของท่านชนะเลือกตั้ง จอมพลถนอมก็เปลี่ยนสภาพจากนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งช่วงสั้นๆ กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้ระบอบเผด็จการทหารตามความคุ้นชิน
อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งคณบดีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ลาไปทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร ได้เขียนจดหมายประวัติศาสตร์ขึ้นมาฉบับหนึ่ง คือ จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง เรียนนายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ ตีพิมพ์ครั้งแรกใน เศรษฐศาสตร์สาร ฉบับชาวบ้าน (ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 เดือนมีนาคม 2515) ของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียกร้องให้จอมพลถนอมเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญและจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว