DIY: ประเทศเราสร้างเองได้

“แม้มันคงยังไม่ถึงขั้นการสร้างอารยธรรมใหม่ … แต่ก็นับเป็นเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญ”

                                                                 พาทริ ฟรีดแมน ผู้อำนวยการบริหาร The Seastead Institute (TSI)

 

– 1 –

 

เมื่อปี 2008 พาทริ ฟรีดแมน ชายหนุ่มวัย 32 ปี อดีตนักศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อดีตวิศวกรซอฟแวร์แห่งกูเกิล และหลานชายของมิลตัน ฟรีดแมน นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล เจ้าสำนักชิคาโก ผู้ยึดมั่นในระบบทุนนิยมตลาดเสรีทั้งชีวิตและจิตวิญญาณ ได้จัดตั้งสถาบันชื่อว่า The Seastead Institute (TSI) ขึ้นในเมืองพาโล อัลโต มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

สถาบันนี้ประกาศภารกิจหลักว่า “เพื่อจัดตั้งชุมชนในมหาสมุทรซึ่งมีความถาวรและเป็นไท สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ชุมชนนั้น และส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ด้านระบบการเมืองและสังคม”

กล่าวอย่างเป็นรูปธรรม สถาบัน TSI พยายามผลักดันการสร้าง ‘เมืองลอยน้ำ’ ในพื้นที่มหาสมุทรซึ่งไม่อยู่ในเขตแดนของประเทศใด เป็นเมืองขนาดเล็กจิ๋วที่เป็นอิสระสำหรับเหล่าชนที่ไม่เอารัฐบาล ต่อต้านรัฐชาติสมัยใหม่ ไม่พึงพอใจในอารยธรรมร่วมสมัยของมนุษยชาติในยุคสมัยปัจจุบัน มาลงมือสร้างประเทศใหม่ กระทั่งอารยธรรมใหม่ ซึ่งมีตัวเองเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง!

ฟรีดแมนบอกว่า ผืนดินส่วนใหญ่ในโลกล้วนมีเจ้าของแล้ว การ ‘ออกทะเล’ จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการสร้าง ‘เมือง’ ใหม่ (หรือจะเรียกว่า ‘ชาติ’ หรือ ‘ประเทศ’ ก็ว่ากันไป) หากต่อสู้กับรัฐบาลบนผืนดินดั้งเดิม ก็ต้องหาทางเอาชนะสงคราม ชนะการเลือกตั้ง หรือไม่ก็ต้องปฏิวัติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากที่คนธรรมดาสามัญจะทำได้สำเร็จ สู้มาสร้างเมืองลอยน้ำขนาดเล็กจิ๋วในพื้นที่ซึ่งยังไม่มีคนจับจองและไม่ได้เป็นของชาติใดให้เป็นเขตปลอดอำนาจรัฐและการกำกับควบคุมทั้งปวงกันดีกว่า

ยูโทเปียของฟรีดแมนคือ โลกที่มีเมืองลอยน้ำอิสระขนาดเล็กมากมายมหาศาลในมหาสมุทร แต่ละเมืองมีกลุ่มคนจำนวนน้อยที่คิดเห็นตรงกันเป็นเจ้าของ คล้ายเป็นเจ้าของประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่ง มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการใช้ชีวิต ตอบสนองความต้องการของฝูงชนและตลาดที่หลากหลาย ไม่มีรัฐบาลเข้ามากำกับควบคุมวิถีชีวิตของผู้คน ต่างเมืองต่างก็มีระบบกฎหมาย ระบบการปกครอง และระบบสังคมเป็นของตัวเอง ซึ่งการออกแบบสร้างสรรค์ระบบสังคมการเมืองใหม่จะทำได้ง่ายและพัฒนาปรับเปลี่ยนได้เร็วในชุมชนขนาดเล็กเช่นนี้ อีกทั้ง รัฐอิสระขนาดเล็กช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ และมีกลไกความรับผิดที่ชัดเจน

เขาบอกว่า โมเดลของเขามีฐานคิดคล้ายกับระบบเว็บ 2.0 ผสมผสานเข้ากับระบบปฏิบัติการลีนุกซ์

 

– 2 –

 

ฟรีดแมนไม่ใช่คนแรกที่คิดการณ์ท้าฝัน(บ้างก็เรียกเพ้อฝัน)ทำนองนี้

กรณีคลาสสิกที่สุดของประเทศอิสระขนาดเล็กจิ๋วคือ ‘ซีแลนด์’ (Principality of Sealand) แปลเป็นไทยได้ว่า ดินแดนกลางทะเล ซึ่งประกาศตนเป็นประเทศเอกราชมาตั้งแต่ปี 1967 โน่นแล้ว

ซีแลนด์ตั้งอยู่ในทะเลเหนือ ห่างจากชายฝั่งทะเลตะวันออกของอังกฤษเป็นระยะทาง 6 ไมล์ทะเล มีเนื้อที่เพียง 207 ตารางเมตร เดิมทีพื้นที่นี้เป็นป้อมฐานทัพขนาดเล็กกลางมหาสมุทรของสหราชอาณาจักรในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามกฎหมายแล้ว ป้อมดังกล่าวไม่ถือว่าอยู่ในเขตแดนของสหราชอาณาจักร แต่อยู่ในเขตน่านน้ำสากล เจตนาของการสร้างป้อมเพื่อเป็นฐานโจมตีเครื่องบินรบและจรวดขีปนาวุธของฝ่ายเยอรมัน

หลังสงครามโลกยุติ ป้อมกลางทะเลนี้ถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนเข้ามาใช้ประโยชน์ กระทั่งวันที่ 2 กันยายน 1967 อดีตนายทหารชาวอังกฤษชื่อแพดดี้ รอย เบตส์ ได้เข้ามาจับจองพื้นที่และย้ายมาพักอาศัยพร้อมครอบครัว ต่อมา เขาอ้างสิทธิ์เหนือป้อมแห่งนี้ พร้อมประกาศให้ป้อมกลางทะเลนี้เป็นรัฐอิสระที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง นามว่า ซีแลนด์ พร้อมแต่งตั้งตนเองให้เป็นเจ้าชาย นามว่า รอยแห่งซีแลนด์ และตั้งภรรยาให้เป็นเจ้าหญิงแห่งซีแลนด์ ซีแลนด์ประกอบด้วยประชากร 4 คน คือ รอย ภรรยา ลูกชาย และทหาร 1 คน ซึ่งมีอาวุธเป็นปืนไรเฟิล 1 กระบอก!

7 ปีนับจากนั้น เจ้าชายรอยประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ธงประจำชาติ เพลงชาติ คำขวัญแห่งชาติ ความว่า “เสรีภาพจากท้องทะเล” ตามมาด้วยพาสปอร์ต แสตมป์ เหรียญทองคำ เหรียญเงิน ต่อมามีเงินตราของตัวเอง เรียกว่า ซีแลนด์ดอลล่าร์ โดยกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ในอัตรา 1 ต่อ 1 กับเงินเหรียญสหรัฐ

ใช่ว่าการประกาศอิสรภาพของซีแลนด์จะไร้อุปสรรค กองทัพเรืออังกฤษเคยพยายามเข้ายึดฐานทัพคืน แต่ถูกซีแลนด์ยิงขู่เพื่อป้องกันตัวเอง รอยถูกฟ้องต่อศาลอังกฤษ แต่คำพิพากษาของศาลเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 1968 ตัดสินว่าซีแลนด์ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร ศาลจึงไม่มีอำนาจพิจารณาคดีนี้ เพราะอยู่นอกเขตอำนาจ จากนั้น สหราชอาณาจักรก็แทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับซีแลนด์อีก ซีแลนด์จึงอ้างว่า สหราชอาณาจักรยอมรับการเป็นประเทศอิสระของซีแลนด์โดยปริยาย

ในเดือนสิงหาคม 1978 นักธุรกิจชาวเยอรมันว่าจ้างชาวดัตช์กลุ่มหนึ่งร่วมขบวนมาเจรจาธุรกิจกับซีแลนด์ รอยอยู่ในอังกฤษขณะนั้น กลุ่มผู้มาเยือนจึงถือโอกาสเข้ายึดซีแลนด์เป็นของตนและจับตัวลูกชาย จากนั้นไม่นาน รอยระดมกองกำลังทหารรับจ้างบุกยึดเกาะคืน และจับตัวผู้บุกรุกเหล่านั้นเป็นเชลย

รัฐบาลเยอรมันและเนเธอร์แลนด์เรียกร้องให้รอยยอมปล่อยตัวเชลย ทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเข้าแทรกแซงกรณีนี้ แต่ฝ่ายอังกฤษอ้างคำพิพากษาของศาลว่า ไม่มีสิทธิเหนือดินแดนซีแลนด์ รัฐบาลเยอรมันถึงกับต้องส่งทูตมาเจรจากับซีแลนด์ จนท้ายสุดรอยยอมปล่อยตัวเชลย

รอยบริหารซีแลนด์มากว่า 30 ปี แต่ด้วยสุขภาพที่เสื่อมโทรมลงตามวัย จึงแต่งตั้งลูกชายชื่อไมเคิลเป็นมกุฎราชกุมารในปี 1999  รายได้หลักของซีแลนด์คือการขายของที่ระลึก เช่น เสื้อ แสตมป์ รวมถึงตำแหน่งขุนนาง ท่านสามารถจ่ายเงินซื้อตำแหน่งลอร์ด เลดี้ บารอน บารอนเนส ได้ในราคา 29.99 ปอนด์ แต่ถ้าต้องการคำสั่งแต่งตั้งที่ใส่กรอบสวยงามพร้อมลายเซ็นของราชวงศ์ต้องจ่าย 49.99 ปอนด์

ในช่วงปี 2000 ซีแลนด์ทำสัญญากับบริษัทฮาเวนโค (HavenCo) ซึ่งเป็นบริษัทบริการรับฝากฐานข้อมูลอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ซีแลนด์กลายเป็นสวรรค์ด้านข้อมูลอินเตอร์เน็ต ที่รับประกันการปกปิดข้อมูลลับของลูกค้าจากอำนาจรัฐทั้งปวง มีการออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าอย่างเข้มข้น โดยใช้ซีแลนด์เป็นฐานปฏิบัติการที่ไม่ต้องคำนึงถึงกฎหมายของรัฐอื่น รวมทั้งกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ปี 2006 ฮาเวนโคก็ถอนตัวไปจากซีแลนด์ และในปีเดียวกัน ก็เกิดไฟไหม้ใหญ่ขึ้นในซีแลนด์ ทำให้โครงสร้างพื้นฐานเสียหายไปมาก ฐานะทางเศรษฐกิจส่อปัญหา จนต้องประกาศรับเงินบริจาคทางอินเตอร์เน็ต

 

–  3 –

 

นอกจากซีแลนด์แล้ว ยังมีเมืองลอยน้ำอีกหลายแห่งที่เกิดขึ้นในโลกและในความคิดของผู้คน

ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เวอร์เนอร์ สไตเฟล ต้องการสร้างสังคมเสรีนิยมอิสระในน่านน้ำสากล ชื่อว่า โอเปอเรชั่น แอตแลนติส (Operation Atlantis) โดยเริ่มจากใช้เรือเฟอร์โร-ซีเมนต์ในแม่น้ำฮัดสัน ต่อมาเขาซื้อสถานีขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลระหว่างคิวบาและฮอนดูรัส ซึ่งภายหลังถูกพายุหนักพัดทำลาย

เมื่อปี 1970 เลโอนาร์ด จอร์จ คาสลีย์ เกษตรกรชาวออสเตรเลียต่อต้านนโยบายการเกษตรของรัฐบาลออสเตรเลีย จึงประกาศก่อตั้งรัฐอิสระ พื้นที่ 75 ตารางกิโลเมตร ทางตอนเหนือของเพิร์ธ ตั้งชื่อว่าฮัตต์ริเวอร์ (Hutt River Principality) โดยคาสลีย์เป็นเจ้าชายผู้ปกครองประเทศ รายได้หลักของฮัตต์ริเวอร์คือ การท่องเที่ยว การขายแสตมป์และเหรียญ ประเทศนี้เคยกระทั่งประกาศสงครามกับออสเตรเลียตอนถูกทวงให้จ่ายภาษี แต่ออสเตรเลียไม่ได้ใส่ใจเอาความอะไรจริงจัง จึงอยู่รอดปลอดภัยมาได้จนถึงปัจจุบัน

ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ปี 1972 ที่เกาะแห่งหนึ่งทางแถบทะเลแปซิฟิคใต้ ไมเคิล โอลิเวอร์ เศรษฐีลาสเวกัส อาชีพสถาปนิก ประกาศตั้งสาธารณรัฐมิเนอร์วา (Republic of Minerva) เพื่อสร้างสังคมเสรีนิยม ไม่มีรัฐบาล ไม่เก็บภาษี แต่ในเวลาไม่นาน กษัตริย์ตองโกก็อ้างสิทธิ์เหนือดินแดนดังกล่าว และนำกำลังทหารเข้ายึดครอง

ในปี 1993 กลุ่มนักธุรกิจลาสเวกัสเคยร่วมกันจัดทำข้อเสนอให้สร้างเมืองลอยน้ำ ชื่อโอเชียน่า แต่สุดท้ายไม่สามารถระดมทุนได้สำเร็จ

ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 นอร์แมน นิกสัน ชาวฟลอริดา พยายามจะสร้างเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ยักษ์ชื่อ เรือเสรีภาพ (Freedom Ship) จุคนได้ถึงห้าหมื่นคน โดยตั้งใจจะสร้างชุมชนเคลื่อนที่ออกเดินทางไปรอบโลก แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

 

– 4 –

 

ประสบการณ์ของประเทศอิสระเล็กจิ๋วกลางทะเลในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ แต่ความฝันนี้ก็ยังดูเย้ายวนและมีโอกาสเข้าใกล้ความจริงมาขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทคโนโลยีในการก่อสร้างและการถมทะเลดีขึ้นมากในปัจจุบัน

สำหรับโครงการของฟรีดแมน เพิ่งได้รับการสนับสนุนเงินทุนก้อนแรก 500,000 เหรียญสหรัฐจากปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ระบบจ่ายเงินออนไลน์ชื่อดัง Paypal ซึ่งถูกขายให้อีเบย์ด้วยมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2002 โดยมีทีมงานออกแบบเมืองลอยน้ำและพัฒนาระบบด้านวิศวกรรมรับผิดชอบอย่างจริงจัง โดยตั้งใจว่าจะเริ่มต้นด้วยเมืองลอยน้ำเคลื่อนที่ได้ ความจุประมาณ 300 คน มีอาหาร น้ำท่า และอินเตอร์เน็ตพร้อม ลอยลำอยู่นอกฝั่งเมืองซานฟรานซิสโก

นิตรสารชื่อดังอย่าง Wired และสื่อระดับโลกหลายรายเคยทำสารคดีเกี่ยวกับสถาบัน TSI มาแล้ว ฟรีดแมนยังยืนยันว่า ฝันของเขาไม่ใช่ฝันเฟื่อง มันมีโอกาสเป็นจริงได้ และมันจะเป็นจริงในเร็ววันนี้

เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่า เมื่อถึงวันนั้น รัฐบาลทั่วโลกจะถูกกดดันให้ต้องดูแลประชาชนดีขึ้น เพราะหากรัฐบาลคุกคามประชาชนหรือไม่รับผิดชอบต่อประชาชน ทางเลือกของผู้คนในอนาคตคือการโหวตด้วยส้นตีน ก้าวเดินออกจากผืนแผ่นดินไปลอยทะเลในเมืองอิสระของตนแทน

 

ตีพิมพ์: นิตยสาร ค คน ฉบับเดือนกรกฎาคม 2553

Print Friendly