เขาว่าการเมืองไทยพัฒนาเข้าสู่ยุคของ การเมืองเชิงนโยบายแล้ว !
…………………..
พรรคชาติไทย
ปลูกไม้ใช้หนี้ พักหนี้ 3 ปีแรก เมื่อปลูก ไม้ใหญ่ยืนต้นครบ 200 ต้น/ไร่ รักษาไม้ได้ครบ 15 ปี ปลดหนี้ 1 แสนบาท
ปลดหนี้เกษตรกร แก้ปัญหาหนี้เร่งด่วน จัดงบฯให้กองทุนฟื้นฟู 20,000 ล้าน ซื้อหนี้เกษตรกรมาบริหาร
จัดสวัสดิการช่วยเหลือผู้เดือดร้อน เช่น เบี้ยยังชีพคนชรา เงินช่วยเหลือผู้พิการ บำนาญเกษียณอายุเกษตรกร 500 บาท/เดือน
ยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาล ตำบล และเพิ่มงบฯพัฒนาครุภัณฑ์แก่ระบบ โรงพยาบาลอีก 20,000 ล้านบาท
ทำถนนลาดยาง ไร้ฝุ่น ทุกหมู่บ้าน ระยะทาง 50,000 ก.ม. ภายใน 3 ปี
เพิ่มกองทุนปัจจัยการผลิต หมู่บ้านละ 5 แสนบาท
ประกันราคาข้าว เกวียนละ 8 พันบาท
ตั้งธนาคารที่ดิน ธนาคารแรงงาน
พรรคประชาธิปัตย์
จ่ายเบี้ยยังชีพรายเดือนแก่ผู้สูงอายุ เดือนละ 500 บาท รวมใช้งบฯปีละ 35,000 ล้านบาท
จัดโครงการ “รักษาฟรีที่คลินิก”
จัดงบประมาณด้านพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก 15,520 ล้านบาท
ลงทุน 300,000 ล้านบาท ขยายระบบชลประทานทั่วประเทศ
ทำโครงการประกันภัยพืชผล โดยรัฐบาล จัดสรรงบฯสำหรับเบี้ยประกัน ปีละ 6,000 ล้านบาท
จัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง โดยรัฐบาลจัดสรรเงินเป็นทุนประเดิม 10,000 ล้านบาททันที โดยจัดสรรให้ตำบลละ 1-2 ล้านบาท
ผู้ใช้ไฟน้อย (ไม่เกิน 150 หน่วย/เดือน) ได้ส่วนลดเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยฟรีค่าไฟฟ้า 15 หน่วยแรก และงดเก็บค่าบริการ
ลงทุนระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 250,000 ล้านบาท
ลงทุนระบบรถไฟรางคู่ 200,000 ล้านบาท
พรรคพลังประชาชน
สานต่อ “นโยบายประชานิยมสูตรต้นตำรับ” อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ธนาคารเพื่อประชาชน และ SML รวมทั้ง หวยบนดิน กองทุนเรียนก่อนผ่อนทีหลัง การขจัดยาเสพย์ติด โอท็อป
เพิ่ม “นโยบายประชานิยมสูตรพิเศษ” เพื่อลดรายจ่าย 4 เท่า และเพิ่มรายได้หลัก 4 เท่า โดยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละประมาณ 350,000 ล้านบาท และจากการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเพิ่มรายได้ 1,500,000 ล้านบาท รวมกับการสร้างไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และการผลิตยาของโลก โดยจะใช้พื้นที่ 4,000 ไร่ ในภาคกลาง สร้าง 10 โรงพยาบาลระดับโลก และ 4 มหาวิทยาลัยทางการแพทย์
สร้างระบบรถไฟ 5 ระบบ คือ 1.รถไฟ แบบไทยที่ใช้อยู่ปัจจุบัน 2.รถไฟความเร็วสูง 3.รถไฟใต้ดิน 10 สาย 4.รถไฟวงแหวน สำหรับกรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ปทุมธานี นนทบุรี รังสิต สมุทรปราการ เริ่มภายใน 1 ปี 5.รถไฟก้างปลา สำหรับคนต่างจังหวัด ทั่วประเทศ
ลดค่าไฟฟ้า กระจายกำไรของการไฟฟ้า ฝ่ายผลิต 2 หมื่นล้านบาทต่อปีคืนให้ประชาชน
พรรคเพื่อแผ่นดิน
จัดตั้งกองทุนร่วมทุนสำหรับ SMEs 10,000 ล้านบาท
เงินผันพัฒนาหมู่บ้านอย่างยั่งยืน หมู่บ้าน ละ 300,000-500,000 บาท
ยกระดับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นธนาคารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยให้มีเงินทุนหมุนเวียนแห่งละ 3-5 ล้านบาท
สนับสนุนงบประมาณระบบประกันสุขภาพทั่วหน้า เป็นคนละ 2,300 บาท
จัดตั้งศูนย์ความสุขชุมชน (Happiness Center) และศูนย์ความสุขผู้สูงอายุ (Happiness Center)
จัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนและครอบครัวทุกหมู่บ้าน โดยรัฐลงทุนเงินประเดิมให้หมู่บ้าน ละ 100,000 บาท
พัฒนาระบบรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ
พรรคมัชฌิมาธิปไตย
ลดส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก ไม่เกิน 3%
ลดภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ส่วนนิติบุคคลให้เก็บสูงสุดไม่เกิน 20% และให้มีการนิรโทษกรรมภาษีแก่บุคคลทั่วไป
สร้างรถไฟฟ้า 10 สายทาง เก็บค่าโดยสาร 15 บาท ตลอดสาย เป็นเวลา 10 ปี สำหรับกรุงเทพมหานครและเมืองบริวาร
ประกันราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวจ้าว ราคา 10,000 บาทต่อเกวียน ข้าวเหนียว 11,000 บาทต่อเกวียน ข้าวหอมมะลิ 12,000 บาทต่อเกวียน ยางพารา 80 บาทต่อกิโลกรัม มันสำปะหลัง 2 บาทต่อกิโลกรัม อ้อย 900 บาทต่อตัน และลำไยเกรดเอ กิโลกรัมละ 15 บาท
ส่งเสริมการเลี้ยงโคเพศเมียให้เกษตรกร 1 ล้านครอบครัว ประกันราคาโคเนื้อ (เป็น) ก.ก.ละ 50 บาท
ขุดบ่อน้ำ 9 ล้านบ่อ เพื่อ 9 ล้านครอบครัว ภายใน 4 ปี
ให้มีค่าตอบแทน อป.พร. และ อสม. เดือนละ 1,000 บาท
สนับสนุนโครงการ SML พัฒนาหมู่บ้าน เล็ก กลาง ใหญ่ หมู่บ้านละ 300,000 บาท 400,000 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ
จัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อการศึกษา ให้แก่โรงเรียนของรัฐตามขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ จำนวน 50,000 บาท 100,000 บาท และ 150,000 บาท ตามลำดับ
ให้การสงเคราะห์เงินดำรงชีพ 1,500 บาทต่อเดือน แก่ผู้สูงอายุ คนพิการไร้อาชีพ ไม่มีรายได้อื่นเสริมและไม่มีผู้เลี้ยงดู
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
เงินเดือนไม่เกิน 20,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี
เพิ่มค่าหักลดหย่อนเป็น 100,000 บาท เพิ่มหักลดหย่อนค่าเล่าเรียนลูกเป็น 5,000 บาทต่อคน
สำหรับลูกกตัญญูเพิ่มค่าหักลดหย่อนเลี้ยง ดูพ่อแม่เป็น 50,000 บาท
หักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูคนพิการในครอบครัวได้ 30,000 บาท
ผู้ที่กำลังผ่อนหรือคิดจะซื้อบ้านหลังแรก ให้หักภาษีได้ทั้งต้นและดอกปีละ 300,000 บาท
เด็กไทยทุกคนที่อายุครบ 18 ปี จะมีเงินสะสมไว้เรียนต่อมหาวิทยาลัย คนละ 1 ล้านบาท ด้วยโครงการ Baby Bond
หนึ่งตำบล หนึ่งนักเรียนทุน เรียนฟรีจนจบปริญญาเอก
จ่ายบำนาญประชาชน 2,000 บาทต่อเดือน แก่ผู้อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป และมีฐานะยากจน
เพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้านจาก 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท
ขยายวงเงินโครงการ SML เดิมรัฐจัดสรร ให้ 2-2.5-3 แสนบาท เพิ่มเป็น 3-4-5 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการจ้างงาน
พักชำระหนี้ครู 3 ปี ให้ครู 1.3 แสนคน ที่มีหนี้สินเฉลี่ยคนละ 1 ล้านบาท
จัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชน 50,000 ล้านบาท
พักชำระหนี้เกษตรกรที่มีเงินกู้ไม่เกิน 3 แสนบาท เป็นเวลา 3 ปี
ขาดดุลงบประมาณ 2 แสนล้านบาทต่อปี แต่ไม่เกิน 3 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
……………………………
ขอต้อนรับเข้าสู่ยุคการเมืองเชิงนโยบาย แบบไทยๆ
สวัสดีประเทศไทย … Good night and Good luck !
หมายเหตุ : นโยบายที่คัดสรรมาลงในคอลัมน์นี้ล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องเล่นสนุก แต่หากใครอ่านแล้วจะหัวเราะขันขำแบบขื่นเศร้าในชะตากรรมของประเทศนี้ ผู้เขียนก็มิอาจช่วยอะไรได้ (เช็กดูแล้วพบว่าการหัวเราะเยาะนโยบายพรรคการเมืองไทย ไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง และไม่ขัดระเบียบใดๆ ของ กกต.) ทั้งนี้ ผู้เขียนไม่ขอรับผิดชอบ หากทำให้ใครพานไม่อยากออกจากบ้านไปร่วมสนุกกับเกมประชานิยมในคูหาเลือกตั้ง เพียงแต่ท่านอาจไม่ใช่คนดีในสายตาของ กกต. อีกต่อไป
ตีพิมพ์: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 พฤศจิกายน 2550