เล่นเกม TU ร้อยเอ็ด เพื่อประชาธิปไตย กับ อ.เดชรัต สุขกำเนิด

วันนี้ อ.เดชรัต สุขกำเนิด แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาชวนนักศึกษา TU101 (อ่านว่า ที-ยู-ร้อย-เอ็ด เพื่อเป็นเกียรติแก่วิทยากรคนเก่งของเรา – ฮา) คุยเรื่อง “มายาคติของภาคเกษตรไทย” นอกจากพกความรู้มาเล่าให้นักศึกษาฟังแล้ว อ.ต้นยังเตรียมเกมสนุกๆ มาเล่นกับสมาชิก 400 กว่าคนในห้องด้วยครับ

ผมเป็นแฟนคลับของ อ.ต้นมายาวนาน รู้กิตติศัพท์เรื่องความสุดยอดด้านการสอนหนังสือ เลยตั้งใจไว้ว่าเทอมใหม่ต้อง “หาเรื่อง” เชิญ อ.ต้นมาสอน TU101 ให้ได้ จะได้ขอลักจำเทคนิคการสอนหนังสือผ่าน “เกม” ของอาจารย์สักที

พอได้มาเจอของจริงกับตัว ยิ่งสุดยอดเกินกว่าที่จินตนาการไว้อีก TU101 สัปดาห์นี้เลยเป็นครั้งที่สนุกสนานที่สุดตั้งแต่เปิดสอนมาตลอดปี

สนุกอย่างไร เชิญอ่านที่ อ.ต้นกรุณาเขียนเล่าให้อ่านกัน ครูบาอาจารย์ห้ามพลาดเลยครับ แล้วท่านจะเห็นว่าถ้าออกแบบกระบวนการเรียนการสอนดีๆ การเล่นเกมกับนักศึกษา 400 กว่าคนพร้อมกันเป็นเรื่องที่ทำได้จริง และทำได้ดีด้วย สนุกกันทุกฝ่ายทั้งอาจารย์ ทีเอ และนักศึกษา

ขอบอกเลยว่านักศึกษาศิลปศาสตร์ปีหนึ่งกลุ่มนี้ คิดอ่านกันไม่ธรรมดา เก่งกันมากทั้งเรื่องการใช้เหตุผล และเรื่องการแสดง (ฮา) เล่นใหญ่กันสมบทบาทมากทั้งเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อบต.

นอกจากนักศึกษาได้สวมบทเกษตรกร ซึ่งเกมนี้ทำให้นักศึกษามองเห็นถึงข้อจำกัดและเงื่อนไขต่างๆ ในการตัดสินใจ (เชื่อว่าหลังจากวันนี้แล้ว คงไม่มีใครกล้าด่าว่าเกษตรกรโง่อีกต่อไป อาจมีก็แต่ผู้นำประเทศโง่) เพื่อนกลุ่มหนึ่งก็ยังได้สวมบท อบต. สัมผัสความยากลำบากในการตัดสินใจทางการเมืองท้องถิ่น (ทั้งในเชิงนโยบายและเชิงการใช้งบประมาณ) ที่ต้องเผชิญกลุ่มผลประโยชน์ที่หลากหลาย

ที่สำคัญ วันนี้ทุกคนได้เห็นความงดงามของกระบวนการประชาธิปไตยผ่านเกมอย่างน่าทึ่ง หลายคนดีใจเพราะเพิ่งเคยได้ใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเป็นครั้งแรกในชีวิต (ฮา) ผมเชื่อว่าเกมที่เล่นกันวันนี้จะมีส่วนสำคัญในการบ่มเพาะวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้งอกงามในใจของนักศึกษาปีหนึ่งกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

ขอบพระคุณ อ.ต้นอีกครั้งครับ ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

………………

:: เรื่องเล่าจาก อ.เดชรัต :: 

(นำเสนอครั้งแรกในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ อ.เดชรัต สุขกำเนิด)

วันนี้ตื่นเต้น สนุก และประทับใจมากครับ

ผมเครียดมาหลายวัน เพราะต้องเตรียมสอนเรื่องเกี่ยวกับชีวิตเกษตรกรไทย ในวิชา TU101 (ผมเฉิ่มมาก ดันไปเรียกว่า วิชา TUร้อยเอ็ด เหมือนลาบร้อยเอ็ด 555) ที่มีนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ลงเรียนกว่า 400 คน และอ.ปกป้อง เจ้าของวิชาขอให้จัดเล่น “เกม” ในชั้นเรียนด้วย

ที่เครียดเพราะที่ผ่านมา ผมเคยจัดเล่นเกมคลาสใหญ่สุดก็ประมาณ 100 คน เท่านั้น แต่รอบนี้ ต้องเล่นเกมกับคน 400 คน แค่คิดก็อึ้งแล้ว แต่ อ.ปกป้องยืนยันจนเมื่อวานนี้ ผมเลยลองจัดให้

ตั้งแต่ต้นชั่วโมง ผมให้ นศ. นั่งกันเป็น “ครัวเรือนเกษตรกร” ครัวเรือนละ 3-5 คน พอบรรยายมาได้ช่วงหนึ่ง ผมก็ปรับปรุงเกม “หนองน้ำน้อย” ที่เคยเล่น มาลองให้นักศึกษาจำลองเป็นชีวิตเกษตรกร 100 ครัวเรือน ที่ต้องตัดสินใจปลูกพืชในช่วงหน้าแล้ง (ข้าวใช้น้ำมาก แต่ได้รายได้ดีที่สุด ผักบุ้งใช้น้ำรองลงมา แตงโมใช้น้ำน้อยที่สุด หรือไปขายแรงงานที่ไม่ใช่น้ำเลย แต่ได้รายได้น้อยที่สุด) ในขณะที่น้ำในอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้านเหลือน้อยมาก

ผมขออาสาสมัคร นศ. 4 คนขึ้นมาทำหน้าที่ อบต. ผมวางกติกาให้ อบต. มีอำนาจเบิกจ่ายงบประมาณสนับสนุนเกษตรกรได้เลย (อบต.มีงบประมาณอยู่ก้อนหนึ่งที่สามารถใช้ช่วยเหลือครัวเรือนได้) แต่อบต. ไม่มีอำนาจสั่งห้ามเกษตรกร เช่น ห้ามปลูกข้าว หรือเก็บค่าใช้น้ำ ถ้าอบต. มีดำริจะทำเช่นนั้น ต้องขอมติเห็นชอบจากครัวเรือนเกษตรกรในตำบลก่อน

เนื่องจาก ผู้เล่นเยอะมาก (ประมาณ 90 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 4-5 คน) ผมเลยต้องปรับวิธีการตัดสินใจของเกษตรกรแต่ละครัวเรือน โดยใช้การโหวต (หรือการทำโพลล์) ในเฟซบุ๊คกลุ่มของวิชานี้ แล้วนำมาผลการโหวต (การตัดสินใจ) แต่ละทางเลือกในเฟซบุ๊ค มาคิดเป็นปริมาณที่ใช้ในแต่ละเดือน และปริมาณน้ำที่เหลือในแต่ละเดือนในเอ็กเซล ขอแนะนำว่า ในกรณีคลาสใหญ่ ใช้วิธีนี้เวิร์คเลยครับ (ผมเพิ่งเคยใช้เป็นครั้งแรก)

สำหรับครัวเรือนเกษตรกรแต่ละราย ผมกำหนดให้ นศ. แข่งขันกัน ใครมีรายได้สูงสุดเป็นการชนะ (เพื่อกระตุ้นให้นิสิตเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำมาก) แต่ถ้าน้ำหมด พืชที่ปลูกก็จะต้องเสียหาย ส่วน อบต. จะชนะได้ต้องผ่าน 2 เงื่อนไขคือ ก) ต้องรักษาน้ำในอ่างเก็บน้ำไว้ไม่ให้แห้ง และ ข) ต้องผ่านการลงมติไว้วางใจ/ไม่ไว้วางใจจากชาวบ้าน (เพราะ อบต. อาจรักษาน้ำไว้ได้ แต่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของชาวบ้าน) ภารกิจของ อบต. จึงสำคัญและยากแสนยาก

พอเริ่มเกม ปุ๊บ นักศึกษาไวกันมากครับ ทีม อบต. ก็ไว เสนอทางเลือกต่างๆ ที่จะให้มีน้ำเพียงพอ และได้เงินมากที่สุดกันหลากหลาย ในที่สุด อบต. ก็ตัดสินใจขอมติว่าจะ “ห้ามปลูกข้าว” แต่เกษตรกรบางส่วนไม่พอใจ (ผมนึกในใจว่า มตินี้โดนคว่ำแน่) อบต. จึงอภิปรายให้ความเห็นให้พี่น้องเกษตรกรฟังถึงความจำเป็น เป็นการอภิปรายที่สั้น กระชับ และดีมาก ในที่สุด อบต. ชนะโหวตไปอย่างท่วมท้น 60 ต่อ 29

นอกจากนี้ อบต. ก็ยังใจดี ยินดีสนับสนุนให้พี่น้องที่ตัดสินใจเลิกปลูกพืช และมาขายแรงงาน ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 500 บาท เรียกว่า พยายามลดการใช้น้ำกันสุดๆ พร้อมกันนั้น อบต. ก็ให้คำแนะนำ (แต่ไม่ใช่ข้อบังครับ) ว่า เกษตรกรแต่ละครัวเรือนควรใช้น้ำไม่เกิน 800 ลบ.ม. ตลอด 3 เดือนแรกของหน้าแล้ง แต่มีเกษตรกรบางราย แย้งว่า ไม่เป็นไรหรอก เผื่อมีฝนตก 55555

ผ่านเดือนแรกไป หมู่บ้าน TUร้อยเอ็ด สามารถรักษาน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำได้พอสมควร แม้ว่าเกษตรกรจะตัดสินใจมาขายแรงงานตามนโยบายเพียง 12 ราย และฝนก็ไม่ตกด้วย (ใช้วิธีจับสลาก) แต่เหตุผลสำคัญ คือ ไม่มีครัวเรือนใดที่ปลูกข้าวเลย พูดง่ายๆ คือไม่มีใครเบี้ยวเลย

ตรงนี้ น่าสนใจมาก เพราะการที่เราบีบให้ อบต. ขอมติจากชาวบ้าน ซึ่งดูน่าจะเป็นจุดอ่อนของ อบต. กลับกลายมาเป็นจุดแข็ง เพราะการห้ามนั้น ไม่ใช่การใช้อำนาจตามใจของอบต. แต่ผ่านการลงประชามติของทุกครัวเรือน ถ้าใครจะเบี้ยว ก็จะไม่ใช่การเบี้ยวกับ อบต. แต่เป็นการเบี้ยวกับคนทั้งตำบล

แต่ในเดือนที่สอง ก็ยังมีประเด็นว่าน้ำในเดือนที่สาม อาจไม่พอ จึงมีการอภิปรายกันยกใหญ่ ถกเถียงกันสนุกมากๆ ทั้งเข้มข้นและฮา ในที่สุด อบต. ก็ประกาศนโยบายว่า จะจ่ายเงินสนับสนุนให้เกษตรกรที่เลิกการปลูกพืชและมาขายแรงงานอีก 500 บาท/เดือน หากฝนไม่ตก ตรงนี้น่าสนใจมาก เพราะเป็นการให้งบสนับสนุนอย่างมีเงื่อนไข (ซึ่งไม่ค่อยพบในชีวิตจริง)

ปรากฏว่า รอบนี้ นโยบายของ อบต. ได้ผล เกษตรกรมาขายแรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 34 ครัวเรือน และเกษตรกรที่ปลูกผักบุ้งลดลงจาก 54 คนเหลือเพียง 20 คน แต่เกษตรกรที่ขายแรงงานยังต้องลุ้นว่าฝนจะตกหรือไม่? ปรากฏว่า ฝนไม่ตก เกษตรกรที่มาขายแรงงานเฮกันทั่วหน้า และด้วยนโยบายของอบต. ทำให้การใช้น้ำในเดือนที่ 2 ลดลงได้มาก

น่าสนใจมากว่า แม้ว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในเดือนสุดท้ายจะเหลือพอสมควร แต่ประเด็นข้อถกเถียงกลับมาอยู่ที่ ควรนำงบประมาณที่เหลือไปสนับสนุนใคร ฝ่ายเกษตรกรที่ยังปลูกผักบุ้งและแตงโม ก็บอกว่า อบต. ควรนำเงินที่เหลือมาช่วยพวกตนด้วย แต่ฝ่ายเกษตรกรที่ปลูกแตงโมก็เถียงว่า พวกปลูกผักบุ้งใช้น้ำมากกว่า อบต. จึงไม่ควรช่วยพวกนี้ 5555 พร้อมทั้งยังท้วงว่า พวกปลูกผักบุ้งไม่ทำตามคำแนะนำของ อบต. ที่แนะว่า ไม่ควรใช้น้ำ เกินกว่า 800 ลบ.ม. การถกเถียงตรงนี้เข้มข้นมาก

ในที่สุด อบต. ก็ตัดสินใจช่วยเกษตรกรที่ปลูกแตงโม เพราะถือเป็นเกษตรกรที่ใช้น้ำน้อย และหากมีเงินเหลือ อบต. จะมาหารแบ่งให้เกษตรกรทุกคนที่ใช้น้ำน้อยกว่า 800 ลบ.ม. นับเป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจจริงๆ

ผลปรากฏว่า เมื่อครบ 3 เดือน หมู่บ้าน TUร้อยเอ็ด สามารถผ่านวิกฤตภัยแล้งไปได้อย่างน่าประทับใจ แม้ว่าจะมีการถกเถียงบ้าง แต่สุดท้ายแล้วนักศึกษา ก็อะลุ่มอล่วยกัน จนผ่านวิกฤตมาได้ และทีมอบต. ก็ดำเนินนโยบายอย่างรวดเร็ว ได้ผล และเป็นธรรมสำหรับครัวเรือนเกษตรกรทุกกลุ่มพอสมควร

แม้ว่าจะผ่านวิกฤตภัยแล้ง แต่กติกาของเกมบอกว่า ทาง อบต. จะชนะได้ จะต้องผ่านเสียงไว้วางใจของครัวเรือนเกษตรกรซะก่อน ผมให้โอกาส อบต. กล่าวความในใจก่อนลงคะแนน และด้วยผลงานและวาทศิลป์ที่เยี่ยมยอด ตลอดเกม อบต. ก็ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อไปด้วยคะแนน 67 ต่อ 29 ซึ่งถือว่าชนะในเกมนี้ อบต. ยังขอบคุณพี่น้องเกษตรกร พร้อมทั้งหยอดคำหวานว่า ปีหน้าจะให้เกษตรกรปลูกข้าว 55555

เกมนี้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง มันส์จริงๆ ผมสรุปด้วยความชื่นชมว่า (ก) นักศึกษาเก่งกันมาก ในการคิด/วิเคราะห์/วางแผน และนำเสนอกับเพื่อนๆ (ข) แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือนักศึกษามีการอะลุ่มอะล่วยกัน ผลัดแบ่งกันได้รับประโยชน์ และซื่อสัตย์ต่อสัญญาที่ให้ไว้ (ค) ทีม อบต. ทำงานอย่างแข็งขัน รับฟัง และให้เกียรติครัวเรือนอย่างมาก และทั้งสามข้อนั้น รวมเรียกว่า “ประชาธิปไตย”

นศ. สะท้อนว่า เกมช่วยให้เข้าใจเงื่อนไขในชีวิตของเกษตรกรได้มากทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผมได้บอกนักศึกษาว่า ชีวิตจริงของเกษตรกรยากลำบากกว่านี้มาก เพราะ (ก) ในชีวิตจริงเกษตรกรไม่ได้รับข้อมูลมากเท่าในเกม การวางแผนจึงทำได้จำกัดกว่าที่เราวางแผน (ข) ในชีวิตจริงเกษตรกรและ อบต. ไม่มีเวทีแสดงความเห็นและไม่มีอำนาจในการตัดสินใจเหมือนพวกเรา การตัดสินใจมักจะมาจากส่วนกลาง และ (ค) ในชีวิตจริง จะมีตัวแปรมากกว่านี้ เช่น เมื่อเราปลูกแตงโมมากขึ้น ราคาแตงโมก็อาจจะลดลง เป็นต้น

นอกจากเข้าใจชีวิตของเกษตรกรแล้ว นศ. ยังมาสะท้อนว่า เกมนี้ช่วยให้เข้าใจคุณค่าของประชาธิปไตยได้มาก ประชาธิปไตยที่แท้ไม่ใช่เพียงการตัดสินใจที่จะให้ได้ประโยชน์ส่วนตน แต่ต้องแลกเปลี่ยนกันความคิดกันจนเข้าใจ และเผื่อแผ่ประโยชน์แก่ผู้อื่นในสังคม นักศึกษาคนหนึ่ง โพสต์บอกว่า “อายุ 18 ปีแล้ว ยังไม่ได้เลือกตั้งสักที วันนี้ดีใจมากที่ได้มาลงประชามติและเลือกตั้งในเกม” 5555

อ.ปกป้อง เจ้าของวิชา ปลื้มใจกับผลงานของนักศึกษาให้ ประกาศเพิ่มคะแนนให้ทั้งห้อง กลางห้องเรียน พร้อมเพิ่มเป็นพิเศษสำหรับครัวเรือนเกษตรกรที่ชนะ และทีม อบต. 5555

งานนี้ อ.ปกป้อง ให้ทีมบันทึกวิดีโอไว้ทั้งหมด คาดว่าจะตัดต่อเสร็จปลายเดือนนี้ นอกจากจะนำมาเผยแพร่ให้เพื่อนๆ ดูแล้ว ผมก็จะนำมาถอดเป็นบทบรรยายข้อเสนอและข้อถกเถียงต่างๆ ในเกม และใส่การวิเคราะห์ทางทฤษฎีเศรษฐศาสตร์สาธารณะ และเศรษฐศาสตร์การเมืองเข้าไป เพราะสิ่งที่น้องๆ นักศึกษาใช้ในการถกเถียงล้วนน่าสนใจมากๆ ผมจะทำเป็นหนังสือเล่มเล็กชื่อว่า “เศรษฐศาสตร์ประชาธิปไตย: กรณีศึกษาจากห้องเรียน TU101” คาดว่าน่าจะเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน

ผมขอขอบคุณ อ.ปกป้อง เจ้าของวิชา ทีมผู้ช่วยสอนที่ช่วยอำนวยเกม และที่สำคัญ นักศึกษาทุกคน ที่ช่วยแสดงให้เห็นถึงคำว่า “ประชาธิปไตยที่ชุ่มเย็น” ได้อย่างเป็นรูปธรรม

เนื่องจาก ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเกมนี้ ผมจึงขอตั้งชื่อเกมนี้เพื่อเป็นเกียรติกับน้องๆ ทุกคนว่า “เกม TUร้อยเอ็ด เพื่อประชาธิปไตย” ครับ

…………..

ชมเทปบันทึกการเรียนการสอนได้ที่นี่

Print Friendly