นิตยสาร สารคดี ยืนหยัดอยู่บนแผงหนังสือไทยมานานถึง 25 ปี นับถึงเล่มที่ท่านถืออยู่ในมือนี้เป็นฉบับที่ 301 แล้ว ถือเป็นนิตยสารที่มีอายุเก่าแก่เล่มหนึ่งของเมืองไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สารคดี ได้ผ่านสายตาของผู้อ่านหลายล้านคนทั่วประเทศ มีผู้อ่านทุกระดับตั้งแต่เด็กนักเรียนนักศึกษาที่อ่านเพราะความอยากรู้หรือใช้ทำรายงาน คนทำงานหลากหลายอาชีพ พระสงฆ์ ไปจนถึงคนวัยเกษียณทั้งหญิงชาย จนเรียกได้ว่าเป็นนิตยสารที่มีกลุ่มคนอ่านหลากหลายที่สุดเล่มหนึ่ง
ในบรรดาผู้อ่าน สารคดี เหล่านั้น บางคนอาจได้อ่านในห้องสมุด ยืมเพื่อนอ่าน เลือกซื้อบางเล่มที่สนใจ อีกหลายคนเป็นแฟนเหนียวแน่นยาวนาน บ้างนิยมชมชอบการซื้อจากแผงหนังสือในแต่ละเดือน หรือไม่ก็สมัครเป็นสมาชิกไปเลยก็มี
ในวาระครบรอบ 25 ปี เราลองไปทำความรู้จักกับผู้อ่าน ส่ารคดี ที่เป็นมิตรรักกันมายาวนาน ไปดูว่าพวกเขาคิดอย่างไร เห็นอะไรในนิตยสารเล่มนี้ จึงยังคบหากันไม่รู้เบื่อสักที
…………
ปกป้อง จันวิทย์ นักเขียน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“25 ปีของ สารคดี ไม่ได้เป็นแค่ชีวิตของนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่เป็นชีวิตของตลาดวิชาที่สำคัญแห่งหนึ่งในสังคมไทย”
ผมหยิบ สารคดี มาเปิดอ่านครั้งแรกตอนช่วง ม.1 อายุ 13 ปี จนกลายเป็นแฟนประจำในสมัยเรียนปริญญาตรี ผมเป็นเด็กที่ชอบการเมือง เล่มที่ผมซื้อเก็บสมัยเด็กๆ จึงมักเป็นเรื่องบุคคลและเหตุการณ์สำคัญ เช่น 20 ปี 14 ตุลา 16, 20 ปี 6 ตุลา 19, ป๋วย อึ๊งภากรณ์, 100 ปีชาตกาล ปรีดี พนมยงค์, ุ60 ปี เสรีไทย
สารคดี ทำหน้าที่สะท้อนภาพความจริงของสังคมอย่างรอบด้าน หลากหลาย และลุ่มลึก จัดการความจริงที่บอกเล่าอย่างมีสติและใช้ปัญญา เสน่ห์สำคัญอันหนึ่งคือการถ่ายทอดความจริงที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้ และภาพที่หาดูที่อื่นไม่ได้ เช่น ภาพอาจารย์ป๋วย อาจารย์ปรีดี ภาพสมัยสงครามโลก เรื่องใน สารคดี ไม่ค่อยปรากฏในสื่อกระแสหลัก เช่น เรื่องคนเล็กคนน้อยในประวัติศาสตร์ ชาวบ้านที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เบื้องหลังปรากฎการณ์ใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ของไทยและโลก สารคดี ไม่เพียงให้ข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น โดยใคร เมื่อไหร่ แต่ สารคดี สร้างการเรียนรู้ด้วยการอธิบายสิ่งที่อยู่ลึกลงไปกว่าปรากฏการณ์เบื้องหน้า พยายามตั้งคำถามว่าทำไมมันถึงเกิด มีโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมอะไรที่คอยกำกับ หนุนหลัง ค้ำยันสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น ปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ โรงเรียนกวดวิชา
บ่อยครั้ง สารคดี ไม่ได้ทำแค่เรื่องที่คนอ่านอยากอ่านหรือคนอ่านคิดไปถึง แต่ สารคดี นำหน้าคนอ่าน คือไปไกลกว่าที่คนอ่านคาดหวัง ให้อะไรมากกว่าความรู้ ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจด้านต่างๆ ให้คนจำนวนมาก มีส่วนสร้างคนจำนวนมาก ค่อยๆ สร้างอย่างช้าๆ อย่างสม่ำเสมอ ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมนี่ชัดเจน เรื่องการต่อสู้ของคนเล็กคนน้อย หรือประวัติบุคคล อย่างประวัติชีวิตของพี่มด วนิดา (ตันติวิทยาพิทักษ์) ครูโกมล คีมทอง มันทำให้เราตั้งคำถามถึงอะไรที่มันใหญ่กว่าเรื่องที่เราอ่านตรงหน้า
สารคดีไม่ได้มีชีวิตอยู่แค่เดือนเดียวบนแผงหนังสือ แต่มันมีชีวิตอยู่บนชั้นหนังสือของคนจำนวนมากไม่เฉพาะผม เพราะ สารคดี พัฒนาตัวเองจนเป็นสถาบันที่คนเชื่อในความถูกต้องของข้อมูลซึ่งนำไปใช้อ้างอิงต่อได้ เป็นกลุ่มคนทำหนังสือที่จริงจังกับสิ่งที่ทำ เป็นมืออาชีพ ไม่ชุ่ย ผมมีโอกาสได้เขียนเรื่อง ‘บารัค โอบามา บนถนนสู่ทำเนียบขาว’ ลง สารคดี ได้ทำงานร่วมกับกองบรรณาธิการไม่เคยมีกองบรรณาธิการฉบับไหนจริงจังกับการตรวจสอบข้อมูล ความถูกต้องของเนื้อหาและภาษา และให้ผู้เขียนมีส่วนร่วมมากขนาดนี้ ทั้งการเลือกรูป จัดวางรูป บรรยายรูป คำโปรย คือให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด
เสน่ห์อีกอย่างของ สารคดี คือเป็นนิตยสารที่ไม่ได้ทำให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอ่าน อ่านแล้วไม่ค่อยเห็นตัวตนของคนทำ ไม่เหมือนหนังสือบางเล่มที่เห็นตัวตนของคนทำคับพองออกมา ตอบสนองแต่อุดมการณ์หรือความเชื่อของตัวเอง สารคดี พยายามรักษาสมดุล บอกเล่าความจริงแบบไม่ตัดสินไม่สั่งสอน ใจกว้างพอที่จะเคารพความเห็นที่แตกต่าง เราต้องการมาตรฐานแบบนี้ในวงการหนังสือ รวมถึงวงการวิชาการซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับความรู้
ไม่ว่าคนรุ่นไหน เด็กหรือแก่ ก็ต้องการความรู้กันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเวลาคนกระหายความรู้ สารคดี ก็ยังเป็นบ่อน้ำบ่อแรกๆ ที่คนนึกถึง … 25 ปีของ สารคดี จึงไม่ได้เป็นแค่ชีวิตของนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่เป็นชีวิตของตลาดวิชาที่สำคัญแห่งหนึ่งของสังคมไทย
ตีพิมพ์: นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 301 มีนาคม 2553