วันนี้ 4 ก.ค. เป็นวันประกาศอิสรภาพ ซึ่งนับเป็นวันชาติสหรัฐอเมริกา ตามประสาคนชอบอ่านประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกา มีอยู่ 4 พล็อตที่ตัวเองสนใจเป็นพิเศษจนอยากเอามาเล่าในฐานะงานเขียนกึ่งสารคดีกึ่งนวนิยาย
.
ไม่รู้ชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เขียนไหม ขึ้นอยู่กับจะรีไทร์เร็วแค่ไหน 555
.
.
1. ซัมเมอร์ 1787 ที่ฟิลาเดลเฟีย
.
เรื่องราว 123 วันในการประชุมร่างรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ที่มีตัวละครอย่างจอร์จ วอชิงตัน เบน แฟรงคลิน อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน เจมส์ เมดิสัน ฯลฯ (ช่วงนั้นจอห์น อดัมส์ อยู่อังกฤษ โทมัส เจฟเฟอร์สัน อยู่ฝรั่งเศส) ตัวแทนจาก 13 อาณานิคมอิสระ ซึ่งรวมตัวกันหลวมๆ เป็น “สมาพันธรัฐ” มาถกเถียงกันเรื่องการปรับปรุง Articles of Confederation แต่ในที่สุดกลับกลายเป็นวงประชุมออกแบบ “รัฐธรรมนูญ” ที่ส่งผลเสมือนการรวมประเทศเข้าด้วยกันเป็น “สหรัฐอเมริกา”
.
ความสนุกคือ ภายใน Independence Hall ที่ใช้ประชุมกันตลอด 4 เดือนนั้น มีการหักเหลี่ยมเฉือนคมทางปัญญาและต่อรองทางการเมืองกันอย่างไรในการออกแบบสถาบันที่น่าทึ่งที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติอย่างรัฐธรรมนูญสหรัฐที่มีอายุยืนยาวต่อเนื่องมากกว่า 200 ปี
.

.

.
2. ชีวิตการเมือง RFK โรเบิร์ต เคนเนดี้ น้องชายมือขวาของ JFK
.
ช่วงหลังผมสนใจชีวิตและความคิดของ RFK นักการเมืองหนุ่มแพสชั่นสูงที่มีความเป็นมนุษย์มาก มีพลังในตัวสุดๆ ทั้งด้านบวกและด้านลบสู้กันมันดี นี่เป็นคู่พี่น้องพลังหนุ่มที่ตั้งใจเข้ามาเปลี่ยนประเทศในยุคสมัยที่กระแสการต่อสู้การแบ่งแยกสีผิวพุ่งขึ้นสูง สังคมอยู่ในกระแสสิทธิพลเมืองเรื่องการเลือกตั้ง แรงงาน สวัสดิการสังคม รวมถึงสงครามเวียดนามด้วย
.
RFK โลดแล่นในศูนย์อำนาจการเมืองอเมริกาประมาณ 10 ปีกว่า เมื่ออายุ 27 เข้ามาเป็นตัวหลักทีมหาเสียงชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกของ JFK, จากนั้นมีส่วนร่วมในกรรมาธิการสองชุด คือชุดล่าคอมมิวนิสต์ของโจเซฟ แม็กคาธี กับชุดล่ามาเฟียอย่างจิมมี ฮอฟฟา, พออายุ 34 เป็นผู้จัดการทีมหาเสียงพาพี่ชายได้เป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ 43 ปี, ต่อมา JFK ตั้ง RFK เป็นรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญมากภายใต้กระแสเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในหมู่คนผิวดำพุ่งสูง
.
การเติบโตทางความคิดของสองพี่น้องเรื่องสิทธิเสรีภาพและความไม่เท่าเทียมของสองพี่น้องผ่านเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ก็น่าสนใจ โดยมีมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ (MLK) เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญ สำหรับ RFK จากคนที่มีส่วนร่วมในกรรมาธิการล่าแม่มดมาเป็นคนล่ามาเฟีย จากคนที่เคยสั่งดักฟังโทรศัพท์ของ MLK มาเป็นขวัญใจนักสู้ผิวดำ จากนักการเมืองตามระบบที่ไม่กล้าสนับสนุนขบวนการสิทธิพลเมืองสีดำอย่างเปิดเผยเพราะกลัวเสียคะแนนนิยมในรัฐทางใต้มาเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนดำและคนด้อยโอกาสอื่นๆ ช่างน่าสนใจในเส้นทางความคิด
.
JFK ไว้ใจ RFK มาก ทำงานเกินตำแหน่ง เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวที่ใกล้ชิดมากๆ ในรัฐบาลพลังหนุ่ม ในวิกฤตคิวบาก็มีส่วนสำคัญในช่วงวิกฤต 13 วัน อย่างที่ทุกคนรู้ดี JFK ถูกยิงเสียชีวิตในปีที่ 3 ของการเป็นประธานาธิบดี RFK ที่เป็นคู่คิดเป็นมือทำงานให้พี่ชาย เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เป็นเบื้องหลัง จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ตัวตนและความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างไรยุคไร้พี่ชาย เขาต้องทำงานกับลินดอน บี. จอห์นสัน รองประธานาธิบดีนักการเมืองรุ่นเก๋าจากเท็กซัสที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนอย่างไร เพราะทั้งสองคนไม่กินเส้นกันเลย
.
ต่อมา RFK ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารัฐนิวยอร์ก และเริ่มทำงานในปี 1965 ในปี 1968 ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตามรอยพี่ชาย จนชนะการเลือกตั้งขั้นต้นที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นสปริงบอร์ดสำคัญในการเพิ่มโอกาสเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต แล้ว RFK ก็ถูกยิงในคืนวันประกาศชัยชนะที่แคลิฟอร์เนียตามรอยพี่ชายเช่นกัน เสียชีวิตในวัย 42 ปีเท่านั้น
.
10 ปีที่เป็นตัวหลักในการเมืองอเมริกา ในฐานะนักการเมืองหนุ่มทรงพลังในวัย 30-40 ปี RFK เป็นตัวละครที่น่าสนใจมากๆ น่าค้นหามากๆ ทั้งในแง่ความคิด และตัวตนที่เผชิญความขัดแย้งต่างๆ มากมายทั้งในตัวเอง และในโลกการเมืองที่ตัวเองอยู่ ถ้าเคนเนดี้คนน้องเป็นประธานาธิบดีแทนนิกสันในการเลือกตั้งปี 1968 อเมริกาและโลกจะเป็นอย่างไรในทศวรรษ 1970 and beyond
.
3. 2008 การเลือกตั้งประวัติศาสตร์ของบารัค โอบามา
.
ผมชอบโอบามามาก เป็นสุดยอดนักการเมืองในฝันคนหนึ่ง สะสมหนังสือเกี่ยวกับโอบามาไว้หลายเล่ม ทั้งที่เขียนเอง คนอื่นเขียนถึงเขา และทีมงานหาเสียงเขียนเล่าประสบการณ์แคมเปญประวัติศาสตร์ที่พาวุฒิสมาชิกสมัยแรกรัฐอิลลินอยส์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของอเมริกาได้สำเร็จในวัย 47 ปี เป็นศึกเลือกตั้งที่สนุกตื่นเต้นมากครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามระหว่างโอบามากับฮิลลารี คลินตัน ในพรรคเดโมแครต ต่อด้วยสงครามข้ามพรรคกับนักการเมืองมาเวอริกอย่างจอห์น แม็คเคน
.
การเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นตำราชั้นดียุคใหม่ของนักยุทธศาสตร์การเมืองเลยทีเดียว การเมืองสนุกและมีความหมายตรงที่เป็นปฏิบัติการเปลี่ยน “ความเป็นไปไม่ได้” ให้ “เป็นไปได้” นั่นเอง การเลือกตั้ง 2008 เป็นบทยืนยันความข้อนี้อีกครั้ง
.
4. การเมืองเบื้องหลังบัลลังก์ศาลสูงสุด
.
การเมืองเรื่องศาลสูงสุดเป็นอีกเรื่องที่ชอบตามอ่าน ความสนุกคือการต่อสู้ทางความคิดของผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมและเสรีนิยม 9 คนที่ต้องทำงานร่วมกันไปจนแก่เฒ่ากระทั่งมีคนตายหรือลาออก ต้องตัดสินคดีสำคัญที่ต้องวางหลักการสำหรับสังคม การเมือง และเศรษฐกิจในอนาคตต่อไปอีกหลายทศวรรษ
.
มีพล็อตน่าสนุกเยอะแยะตลอดเส้นทางประวัติศาสตร์ เช่น การช่วงชิงเสียงข้างมากด้วยเหตุผลในการตัดสินคดีเปลี่ยนอเมริกาและโลกสารพัดคดี หรือสายสัมพันธ์ของคนต่างความคิดที่ต้องทำงานร่วมกันยาวนาน เช่น มิตรภาพของผู้พิพากษาที่มีแนวคิดต่างกันสุดขั้วเช่น RBG กับสกาเลีย หรือบทบาทของผู้พิพากษาสาย swing vote อย่างแซนดรา โอ’คอนเนอร์ แอนโธนี เคนเนดี้ จนถึงจอห์น โรเบิร์ต ในปัจจุบัน ว่าหนึ่งเสียงเขย่าโลกได้อย่างไร
.
ภาพประกอบ: Independece Hall ที่ฟิลาเดลเฟีย สถานที่ประชุมร่างรัฐธรรมนูญในปี 1787 ซึ่งอยู่บนแบงก์ร้อยดอลล่าร์สหรัฐ และอีกภาพคือห้องประชุมที่ถกเถียงกันเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ จัดสภาพเหมือนที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ ดีใจมากที่ได้ไปเยือนและถ่ายรูปมาเมื่อหลายปีก่อน