นับแต่สรังสี ลิมปรังษี และสนั่น จิตจารุจิต เพื่อนรักทั้งสอง ชักนำผู้เขียนเข้าสู่วงการ Championship Manager (CM) เมื่อเจ็ดปีก่อน กระทั่งบัดนี้ผู้เขียนเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าเป็นสาวก CM คนหนึ่ง
CM เป็นเกมสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ผู้เล่นสวมบทผู้จัดการทีมฟุตบอล ที่ต้องบริหารทีม วางแผนการเล่น ซื้อขายนักเตะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าทั้งในสนาม (เช่น แก้เกมยามตกเป็นรองคู่แข่งขัน) และนอกสนาม (เช่น รับมือสื่อมวลชน แก้ปัญหายามนักเตะมีปัญหาไม่พอใจยามไม่ได้ลงเตะ)
เสน่ห์ของ CM อยู่ที่การใช้ฐานข้อมูลจริงของวงการฟุตบอล ปัจจุบัน CM บรรจุข้อมูลส่วนตัว ประวัติ และความสามารถด้านต่าง ๆ โดยละเอียด ของนักเตะ ผู้จัดการทีม ผู้บริหารทีม โค้ช รวมถึง แมวมองในวงการฟุตบอลมากกว่าหนึ่งแสนคน ใน 26 ลีกทั่วโลก รวมถึงรายละเอียดกติกาของฟุตบอลลีกในแต่ละประเทศและแต่ละภูมิภาค ที่มีความแตกต่างกัน
ในยุคธุรกิจฟุตบอลเฟื่องฟู CM สามารถเติมเต็ม “ความฝัน” ของคนรักฟุตบอลที่จะบริหารทีมที่ตนรัก และทำทีมในแนวที่ตนเองพอใจ หากคุณไม่พอใจแนวทางการเล่นของ Liverpool ยุค Gerard Houllier คุณสามารถรับบทผู้จัดการทีม Liverpool เสียเองใน CM และคุมทีมหงส์แดงให้เล่นเกมรุกได้เต็มที่ดังใจต้องการ
ไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบัน CM เป็นเกมฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดในวงการ เป็นที่มาแห่งรายได้หลักของ Eidos Interactive บริษัทผู้จัดจำหน่าย
CM ภาค 2001/2002 ทำสถิติเป็นเกมที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลในประเทศอังกฤษ รวมถึงเป็นเจ้าของสถิติขายดีที่สุดในการวางจำหน่ายสัปดาห์แรก โดยขายได้มากกว่าหนึ่งแสนแผ่นภายในสัปดาห์แรก ทำลายสถิติเดิมที่ CM3 (ภาคก่อนหน้า) เป็นเจ้าของสถิติ 55,000 แผ่นอย่างราบคาบ
ในเทศกาลคริสต์มาสปี 2001 CM เป็นของขวัญคริสต์มาสซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุด เป็นรองเพียงก็เพียง Harry Potter
CM มีต้นกำเนิดจาก Paul และ Oliver Collyer สองพี่น้องแฟนบอล Everton ผู้คลั่งใคล้กีฬาฟุตบอล ทั้งคู่เริ่มต้นทดลองออกแบบโปรแกรมกันเอง ใช้บ้านตัวเองเป็นสำนักงาน ภายหลังสองพี่น้องเร่ขายความคิดให้กับบริษัทจัดจำหน่ายเกมในประเทศอังกฤษ หลายบริษัทได้ปฏิเสธความคิดของสองพี่น้อง รวมถึงยักษ์ใหญ่อย่าง EA Sports ที่จัดจำหน่ายเกมกีฬาที่โด่งดังอย่าง FIFA
ในที่สุด Domark ยอมเป็นผู้จัดจำหน่าย CM1 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นในโลกแห่งเกม เมื่อปี 1992
Eidos Interactive ก่อตั้งในปี 1990 เดิมทำธุรกิจด้าน Video Compression Technology ต่อมาปี 1995 Eidos Interactive จึงหันหัวเรือเข้าสู่วงการซอฟท์แวร์ด้านความบันเทิง ปัจจุบันนับเป็นบริษัท ผู้จัดจำหน่ายและพัฒนาซอฟแวร์ด้านความบันเทิงชั้นนำของโลก โดยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เกม Tomb Rider Commandos Soul Reaver Who wants to be a millionare? รวมถึง CM และเกมอื่น ๆ อีกมาก
การเติบโตของ Eidos Interactive ในธุรกิจเกมเป็นไปอย่างก้าวกระโดด Eidos Interactive เลือกใช้ยุทธศาสตร์ควบรวมกิจการ โดยเข้าควบกิจการกับ Domark และเข้าสู่ตลาดหุ้นลอนดอนในปี 1995 ปีถัดมา Eidos Interactive ควบกิจการกับ Central Gold และปี 1998 ควบกิจการกับ Crystal Dynamics บริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นบริษัทผลิตและพัฒนาโปรแกรมซอฟแวร์เกมคอมพิวเตอร์ชั้นดีทั้งสิ้น
ด้วยเหตุที่ Eidos Interactive และ Domark รวมตัวกัน CM เลยก้าวสู่ชายคาของ Eidos Interactive นับแต่นั้น ปัจจุบัน CM เป็นแก้วตาดวงใจของ Eidos Interactive ไม่แพ้ Lara Croft
สองพี่น้อง Collyer ไม่ได้ปล่อยมือให้ Eidos Interactive จัดการอย่างเด็ดขาด หากทั้งคู่ได้ตั้งบริษัทของตนเองขึ้นทำหน้าที่สร้างสรรค์และพัฒนาเกม CM โดยเฉพาะ ชื่อว่า Sports Interactive โดย Eidos Interactive ร่วมถือหุ้นส่วนหนึ่ง
Sports Interactive มีพนักงานเพียงสิบสี่คนในปัจจุบัน น่าสนใจว่าพนักงานแทบทั้งสิ้น ไม่ว่ากรรมการผู้จัดการหรือโปรแกรมเมอร์ล้วนเป็นสาวก CM มาก่อน Miles Jacobson กรรมการผู้จัดการบริษัทเริ่มต้นจากเป็นผู้ทดลองเกม CM2 ทำข้อมูลทีม Watford ที่ตนเชียร์ เป็นหัวหน้าทีมข้อมูลในสหราชอาณาจักร จนก้าวสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
ฐานข้อมูลของคนในวงการฟุตบอลทั่วโลกกว่าแสนคนมิได้เกิดจากการรวบรวมของพนักงานบริษัทเพียงเท่านั้น หากเกิดจากสาวก CM ผู้รักฟุตบอลทั่วโลกร่วมแรงจัดส่งให้ทีมงานผ่านทางเวปไซต์ ข้อมูลในเกม CM จึงมี “ชีวิต” มีความเป็น “อัตวิสัย” และมาจากระดับ “รากหญ้า” ที่เป็นแฟนฟุตบอล “พันธุ์แท้”
ปัจจุบัน Sports Interactive มีทีมข้อมูล(อาสาสมัคร) อยู่ 37 ประเทศทั่วโลก ไม่แปลกใจที่นักเตะอย่าง Jaap Stam Javier Saviola หรือ Nicholas Anelka เป็นที่โด่งดังและแจ้งเกิดใน CM ก่อนจะแจ้งเกิดในโลกแห่งฟุตบอลจนเป็นที่รู้จักทั่วโลก
เพื่อความสมบูรณ์แบบ และสนองตอบปรัชญาของ CM ที่พยายามสร้างเกมฟุตบอลที่สมจริงที่สุดโดยไม่ทำลายจินตนาการของผู้เล่น Sports Interactive ได้จ้าง Ray Houghton อดีตนักเตะ Liverpool และทีมชาติไอร์แลนด์ มาเป็นหนึ่งใน bootroom staff ในการออกแบบ CM4 โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ ในการพัฒนาเกม ทั้งรายละเอียดที่เกิดขึ้นจริงระหว่างเกมการแข่งขันในสนาม การฝึกซ้อมนักเตะ รวมถึงเป็นแมวมองนักเตะดาวรุ่ง อีกทั้งยังเขียนบทวิเคราะห์สถานการณ์ฟุตบอลในเวปไซต์ด้วย
หลังฟุตบอลโลก 2002 CM4 มีกำหนดวางแผง และถือเป็นความหวังอันยิ่งใหญ่ของ Eidos Interactive ในการกอบกู้บริษัท พอ ๆ กับ Tomb Rider ภาคใหม่ที่มีกำหนดวางแผงปลายปีนี้เช่นกัน
แม้ Eidos Interactive เป็นยักษ์ใหญ่และมีลิขสิทธิ์เกมดังมากมาย แต่ช่วงสามปีหลัง กลับประสบปัญหาทางการเงิน รายรับรวมตลอดปีของบริษัทตกต่ำลงโดยตลอด ปี 1999 มีรายรับ 226.3 ล้านปอนด์ ปี 2000 มีรายรับ 194.8 ล้านปอนด์ และในปี 2001 มีรายรับ 160.4 ล้านปอนด์ กำไรในรอบครึ่งปี (จากเมษายนถึงเดือนกันยายน 2001) ลดลงเหลือ 18 ล้านปอนด์ จาก 30 ล้านปอนด์ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ถึงขนาดมีข่าวลือว่าบริษัทอาจถึงคราวล้มละลาย
เหตุผลสำคัญของความตกต่ำก็เนื่องมาจากภาวะซบเซาในตลาดเกมในปี 2000 การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ และยอดขายที่ตกต่ำ
ในช่วงปีที่ผ่านมา Eidos Interactive ได้ปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลงมากกว่า 20% ให้สอดรับกับรายรับที่ลดลง แต่ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในธุรกิจเกม (มีสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของรายจ่ายทั้งหมด) ยังคงอยู่ในระดับเดิมโดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 17.8 ล้านปอนด์ในช่วงเมษายนถึงกันยายน ปี 2001 เทียบกับ 17.5 ล้านปอนด์ในปีก่อน
ล่าสุดในการแถลงผลประกอบการประจำปีในเดือนมีนาคม 2002 Eidos Interactive ประกาศว่ารายรับลดลงกว่าที่คาดการณ์ถึง 15 ล้านปอนด์ โดยบริษัทอ้างว่าเนื่องจาก Who wants to be a millionare? ภาคสอง ซึ่งนับเป็น “ของตาย” มียอดขายต่ำกว่าเป้ามาก อีกทั้งบริษัทไม่สามารถวางจำหน่ายเกมที่เป็นความหวัง 4 เกมได้ทันกำหนด ความตกต่ำของบริษัทสะท้อนให้เห็นผ่านตารางเกมทำเงินสูงสุด 40 อันดับในเดือนธันวาคม ปี 2001 ที่มีเกมของ EIDOS ติดอันดับเพียง 2 เกมเท่านั้น
Eidos Interactive พยายามหาหนทางพลิกฟื้นฐานะทางธุรกิจ เมื่อปลายปี 2001 Microsoft ออกเครื่องเล่นเกมประเภทใหม่ชื่อ XBox โดยหวังจะแย่งตลาดเครื่องเล่นเกมจาก PlayStation 2 ของ Sony และ GameCube ของ Nintendo (ที่ออกใหม่ในช่วงเดียวกัน) Eidos Interactive ได้เร่งผลิต CM ภาค XBox อีกทั้งกำลังพัฒนา CM ภาคโทรศัพท์มือถืออีกด้วย
CM4 และ Lara Croft : The Angel of Darkness ที่จะออกจำหน่ายในช่วงปลายปี จะกอบกู้ฐานะของบริษัทให้กลับมายิ่งใหญ่ดังเดิมได้หรือไม่ ต้องจับตาดู แต่ Eidos Interactive ได้มั่นใจถึงกับประกาศว่าจุดตกต่ำถึงขีดสุดของบริษัทได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ความตกต่ำของ Eidos Interactive หาใช่สัญญาณแห่งความเสื่อมถอยของธุรกิจเกมไม่
แม้ปี 2000 ธุรกิจเกมเริ่มชะลอตัวลงเนื่องจากจุดอิ่มตัวของ PlayStation2 แต่ความคึกคักกลับมาอีกครั้งในปี 2002 หลังจากที่ปลายปี 2001 Nintendo ออกเครื่องเล่นเกมประเภทใหม่ชื่อ GameCube และ Microsoft กระโดดเข้ามาแย่งตลาดเครื่องเล่นเกมเป็นครั้งแรกผ่าน XBox
นักวิเคราะห์มองว่า การแข่งขันในตลาดเครื่องเล่นเกมที่สูงขึ้น จะเพิ่มอัตราการเติบโตของตลาดซอฟแวร์เกมด้วย โดย คาดการณ์ว่ารายรับจะสูงถึง 15 พันล้านปอนด์ ในปี 2004 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 22%
ธุรกิจเกมประกอบด้วยตัวละครมากมาย ทั้งฝ่ายผลิต ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่ายจัดจำหน่าย ฝ่ายค้าปลีก ทั้งในตลาดเครื่องเล่นเกม และตลาดซอฟแวร์เกม
ที่ผ่านมาตลาดใหญ่ที่สุดคือตลาดเครื่องเล่นเกม ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์โดยตรงกับตลาดซอฟแวร์เกมด้วย ในปี 1998 ส่วนแบ่งของตลาดซอฟแวร์เกมครองโดย เกมคอมพิวเตอร์ 38% PlayStation 38% และ Nintendo 24% นักวิเคราะห์พยากรณ์ว่าในปี 2005 ตลาดจะพลิกโฉมไปโดย PlayStation2 จะยังครองตลาดไว้ได้ 38% แต่ XBox น้องใหม่จะแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ 25% เกมคอมพิวเตอร์ลดลงเหลือ 26% และ GameCube 10% นักวิเคราะห์มองว่า XBox จะยังไม่สามารถเอาชนะ PlayStation2 ได้ แต่จะสามารถแย่งอันดับสองจาก Nintendo ได้สำเร็จ
ตามคำพยากรณ์ อนาคตของธุรกิจเกมยังคงรุ่งเรืองในช่วงสามปีข้างหน้า ในอนาคตเทคโนโลยีดิจิตอลจะเป็นพลังสำคัญขับเคลื่อนธุรกิจเกมต่อไป รวมถึงการเติบโตของธุรกิจการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเกม(Game-Related Merchadising) เช่น ของเล่นตัวละครจากเกม เป็นต้น กำไรของธุรกิจดังกล่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังมีส่วนช่วยโฆษณายี่ห้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนุนส่งให้ยอดขายเกมเพิ่มสูงขึ้นด้วย
เกมมิใช่เพียงของเล่นสำหรับผู้มีหัวใจเด็กเท่านั้น การศึกษาธุรกิจเกมเป็นสิ่งที่น่าสนใจยิ่ง เนื่องเพราะเรื่องเล่าของเกมพัวพันหลายมิติ ไม่ว่าเศรษฐกิจ เทคโนโลยี รวมถึงวัฒนธรรม และอารมณ์ของสังคม
หมายเหตุ :
1. ข้อมูล Eidos Interactive โปรดดู http://www.eidosinteractive.com
2. ข้อมูล Sports Interactive โปรดดู http://www.sigames.com
3. บทวิเคราะห์ธุรกิจเกมของบทความนี้ มีที่มาจาก http://www.datamonitor.com
ตีพิมพ์: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 4 พฤษภาคม 2545