ปัจจุบัน “ฟุตบอล” เป็นสินค้าวัฒนธรรมที่ขายดีทั่วโลก
ปัจจัยสำคัญที่สร้างความนิยมให้ฟุตบอลกลายเป็น “กีฬาแห่งโลก” (Global Sport) ก็คือการถ่ายทอดทางโทรทัศน์
ความต้องการรับชมฟุตบอลของผู้บริโภคที่ขยายตัวสูงยิ่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมาทำให้สถานีโทรทัศน์ทั่วโลกเลือกใช้การถ่ายทอดฟุตบอลเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการแย่งชิงจำนวนผู้ชมและสมาชิก ดังจะเห็นได้จากค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกปี 2002 และปี 2006 ที่สถานีโทรทัศน์ ITV และ BBC แห่งประเทศอังกฤษต้องจ่ายให้ Kirch Media เจ้าของลิขสิทธิ์แห่งประเทศเยอรมัน มีราคาสูงถึง 120 – 150 ล้านปอนด์ เทียบกับค่าลิขสิทธิ์ 5 ล้านปอนด์เมื่อฟุตบอลโลกปี 1998
เมื่อสโมสรฟุตบอลในลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษแยกตัวจากสมาคมฟุตบอลลีกมาร่วมก่อตั้งพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 1992-1993 (เดิมลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษคือดิวิชั่นหนึ่ง มิใช่พรีเมียร์ลีกดังปัจจุบัน) ผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญคือ Rupert Murdoch เจ้าพ่อวงการสื่อสาร เจ้าของบริษัท BskyB กลุ่มธุรกิจสื่อสารทางโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกแห่งประเทศอังกฤษ ที่ขณะนั้นอยู่ในภาวะใกล้ล้มละลาย
Murdochได้เสนอเงินจำนวนมหาศาลให้กับสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกเพื่อแลกกับสิทธิผูกขาดการถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกทาง BskyB ฐานะทางการเงินของ BskyB ในเวลาต่อมาได้พลิกฟื้น จนประสบความสำเร็จทางธุรกิจอย่างสูงยิ่งในปัจจุบัน ทัั้งนี้ก็ด้วยยุทธศาสตร์การใช้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเป็นธงนำทางธุรกิจนั่นเอง
ปัจจุบัน BskyB สามารถเข้าถึง 11.2 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศอังกฤษ ส่วน Sky Digital น้องใหม่ที่แพร่ภาพด้วยระบบ Digital ก็มีสมาชิกทั้งสิ้น 5.7 ล้านครัวเรือน และยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ผ่านมา มีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 46,000 คน
สิ้นปี 2001 ที่ผ่านมา BskyB มีรายได้ทั้งสิ้น 1,320 ล้านปอนด์ ได้กำไร 70 ล้านปอนด์ ทั้งที่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้พรีเมียร์ลีกสูงถึง 1,200 ล้านปอนด์ตลอดสามฤดูกาลก็ตาม (โดยเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2001-2002 และมี ITV เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ร่วมบางนัด)
การเกิดขึ้นของพรีเมียร์ลีกในฐานะลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ ทำให้สโมสรฟุตบอลยี่สิบสโมสรมีรายได้เฉพาะจากค่าลิขสิทธิ์โทรทัศน์มาแบ่งกันปีละประมาณ 400 ล้านปอนด์ (แต่เกณฑ์การแบ่ง ไม่ได้ใช้ระบบหารเท่า หากแต่ขึ้นอยู่กับผลงานในลีกและจำนวนครั้งที่ออกจอด้วย) ขณะที่สโมสรฟุตบอลอาชีพอีก 72 สโมสรในระดับดิวิชั่นหนึ่ง สอง และสาม ได้รับค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดโทรทัศน์มาแบ่งกันเพียงประมาณ 100 ล้านปอนด์ต่อปีเท่านั้น
ไม่น่าแปลกใจที่ นับวันสโมสรฟุตบอลในประเทศอังกฤษจะยิ่งมีช่องว่างทางฐานะ รวมถึง โอกาสทางการเงินและความสำเร็จห่างไกลกันเรื่อย ๆ ประมาณกันอย่างหยาบ ๆ ว่า สโมสรที่ต้องตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกไปเล่นยังดิวิชั่นหนึ่งจะขาดทุนเฉลี่ย 8-10 ล้านปอนด์ต่อปีทีเดียว ที่สำคัญต้องสูญเสียรายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ที่ประกันไว้ต่ำที่สุด 17 ล้านปอนด์ต่อปี
ปัจจุบัน เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลลีกระดับรอง (ดิวิชั่นหนึ่ง สอง สาม) ทางโทรทัศน์คือ ITV Digital ซึ่งมี Granada&Carlton Communications เป็นเจ้าของ
ITV Digital เป็นสถานีโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกเช่นเดียวกับ BskyB โดยเพิ่งตั้งไข่เมื่อพฤศจิกายน 1998 ออกอากาศด้วยระบบดิจิตอล ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 1.3 ล้านคน ไตรมาสที่ผ่านมา สมาชิกเพิ่มขึ้น 46,000 คน นับว่าความนิยมยังเป็นรอง BskyB อยู่มาก
ITV Digital ได้ทุ่มซื้อลิขสิทธิ์การแข่งขัน UEFA Champions League (การแข่งขันฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยสูงสุด) และการแข่งขันฟุตบอลลีกระดับรองในประเทศอังกฤษ โดยหวังจะใช้ฟุตบอลเป็นธงนำสู่ความสำเร็จเช่นเดียวกับที่ BskyB ประสบความสำเร็จจากพรีเมียร์ลีก
ทั้งนี้ ITV Digital ได้ทุ่มเสนอค่าลิขสิทธิ์เป็นจำนวนถึง 315 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับสิทธิถ่ายทอดโทรทัศน์ของฟุตบอลลีกระดับรองเป็นเวลาสามปี สิ้นสุดที่ฤดูกาล 2003-2004 ทั้งที่เป็นเพียงการแข่งขันฟุตบอลในระดับรองเท่านั้น ราคาที่สูงดังกล่าวเป็นประจักษ์พยานที่สะท้อนภาวะ “ราคาเฟ้อ” ในวงการถ่ายทอดฟุตบอลทางโทรทัศน์ได้เป็นอย่างดี
การถ่ายทอดฟุตบอล UEFA Champions League นับว่าประสบความสำเร็จพอประมาณ แต่การถ่ายทอดฟุตบอลลีกระดับรองผ่านระบบ pay per view กลับประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากความน่าตื่นตาตื่นใจของการแข่งขันมิอาจเทียบได้กับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อีกทั้งการแข่งขันดังกล่าวมีฐานคนดูและแฟนบอลต่ำ
ลิขสิทธิ์ฟุตบอลลีกชั้นรองมิสามารถดึงดูดฐานสมาชิกใหม่ให้กับ ITV Digital ได้ตามคาดหวัง ทัั้งนี้เพราะ สโมสรฟุตบอลส่วนใหญ่ในลีกระดับรองเป็นเพียงสโมสรระดับท้องถิ่นเท่านั้น ยังมิอาจพัฒนาตัวเองเป็นสินค้าระดับชาติหรือระดับโลกได้ ในยอดสมาชิกหนึ่งล้านกว่าคน มีผู้เป็นสมาชิกประจำของช่อง ITV Sport เพียงแสนรายเท่านั้น นอกจากนั้น การถ่ายทอดฟุตบอลลีกระดับรองยังประสบปัญหาในการหารายได้จากการโฆษณาด้วย
ปัจจุบัน ITV Digital กำลังเผชิญวิกฤตการณ์การเงินครั้งสำคัญ โดยขาดทุนไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 800 ล้านเหรียญ และหากต้องรักษาสัญญาที่ตกลงไว้กับสโมสรฟุตบอลลีก ITV Digital ต้องใช้เงินดำเนินการอีก 360 ล้านปอนด์ทีเดียว ITV Digital มีหนี้คงค้างที่ต้องจ่ายให้กับสโมสรฟุตบอลต่าง ๆ อีกประมาณ 180 ล้านปอนด์ โดยมีกำหนดชำระวันที่ 1 สิงหาคมปีนี้ กระนั้นทาง ITV Digital ได้ประกาศออกมาแล้วว่าหมดปัญญาที่จะจ่ายเงินตามสัญญาได้ สามารถจ่ายเพิ่มได้อีกเพียง 50 ล้านปอนด์เท่านั้น เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง ITV Digital ยังได้ประกาศปลดคนงาน 600 คน
รายได้จากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์เป็นรายได้ที่มีสัดส่วนสำคัญต่อรายได้รวมของสโมสรฟุตบอลและทวีสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงทศวรรษที่่ผ่านมา แทนที่รายได้จากค่าผ่านประตู ปัจจุบันรายได้ดังกล่าวตกอยู่ที่ประมาณ 20-30% ของรายได้รวม
เช่นนี้แล้ว การ “เบี้ยว” สัญญาของ ITV Digital จึงทำให้วงการฟุตบอลลีกระดับรองเกิดภาวะระส่ำระสายอย่างหนัก เนื่องจากขาดรายได้จำนวนมหาศาลในขณะที่ได้มีการวางแผนการลงทุนล่วงหน้าไว้แล้ว บนพื้นฐานการประเมินรายรับจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์
จากการสำรวจสโมสรฟุตบอลในลีกระดับรอง 41 แห่งโดย BBC พบว่า สโมสร 20แห่งจะประสบวิกฤตการณ์การเงินอย่างรุนแรง และคาดว่าในปีหน้าจะมีนักฟุตบอลถูกสโมสรลอยแพสูงถึง 1,000 คน
วิกฤตการณ์การเงินของ ITV Digital นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ของวงการฟุตบอลประเทศอังกฤษด้วย
ภาวะฟองสบู่แตกในตลาดลิขสิทธิ์โทรทัศน์อาจเป็นจุดพลิกผันสำคัญของวงการฟุตบอลในปัจจุบันที่ได้แปรสภาพจากเกมกีฬาในสนามและสันทนาการเพื่อความบันเทิงมาเป็นสินค้าวัฒนธรรมเต็มรูปแบบ แม้่การเบี้ยวสัญญาดังกล่าวจะยังไม่กระทบสโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน แต่คาดกันว่าการทำสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกในรอบต่อไป ราคาอาจลดต่ำลงสู่ระดับความเป็นจริง ทำให้สโมสรฟุตบอลต้องเตรียมปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อธำรงความเป็นเลิศไว้ นอกจากนั้น ภาวะล้มละลายของ ITV Digital กลับทำให้ BskyB จรัสแสงโดดเด่นมากยิ่งขึ้น อำนาจผูกขาดในตลาดโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจุบันกำลังมีการเจรจาระหว่าง BskyB และ ITV Digital ให้ BskyB สามารถร่วมถ่ายทอดฟุตบอล UEFA Champions League ร่วมกับเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง ITV Digital ได้
ธุรกิจของวงการฟุตบอลกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าอีกครั้งหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม แต่สิ่งที่ชัดเจนคือผลประโยชน์ทางธุรกิจได้มีส่วนสำคัญต่อศักยภาพทางเกมกีฬาของแต่ละสโมสรอย่างชัดเจนในยุคฟุตบอลกลายเป็นอุตสาหกรรมเฟื่องฟูเช่นทุกวันนี้
เกมการแข่งขันนอกสนามของกีฬาฟุตบอลดุเดือดเร้าใจไม่แพ้เกมการแข่งขันในสนาม
ในภาวะที่ฟุตบอลเป็น “สินค้า” และพัวพันกับ “ตลาด” ในเกือบทุกมิติ ปรากฏการณ์ฟองสบู่แตกของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดโทรทัศน์ ยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างสโมสรเล็กและใหญ่ ระหว่างสโมสรฟุตบอลในลีกระดับสูงและระดับต่ำ ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนยากที่จะกล่าวได้ว่าอยู่ในโลกแห่งเกมกีฬาเดียวกัน
หมายเหตุ: ข้อมูลข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในบทความนี้ รวบรวมจาก www.bbc.com, www.soccernet.com, www.fa-premier.com, www.itv-digital.co.uk, www.sky.com
ตีพิมพ์: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 เมษายน 2545