ค่าเสียโอกาส กสทช. vs ค่าเสียโอกาสสังคมไทย

ปกติเป็นคนชอบอ่านมติ ครม. ทุกวันอังคารต้องกดเข้าไปดูว่าแต่ละสัปดาห์เขาบริหารประเทศกันอย่างไร ให้ความสำคัญกับอะไร ใครคิดแก้ปัญหาอะไรอย่างไร … อ่านแล้วก็ … นะ ก้มหน้าทำงานในส่วนของเรากันต่อไป

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. อ่านมติ ครม. แล้วก็แทบตกเก้าอี้ เพราะเจอวาระที่สำนักงาน กสทช. เสนอขอขึ้นค่าตอบแทนรายเดือนให้ กสทช. ลำพังตัวค่าตอบแทนเหมาจ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้นประมาณ 7.5% ประธานเพิ่มจากเดือนละ 336k เป็น 361k ส่วนกรรมการจาก 269k เป็น 289k ข้ออ้างก็คือ “ให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่และสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป” และ “ภารกิจในความรับผิดชอบมีจำนวนมาก รวมทั้งมีภารกิจใหม่และยากในการปฏิบัติ”

น่าสงสารไหมครับ

เอาจริงๆ เรื่องขอขึ้นเงินเดือนตัวเองยังไม่เซอร์ไพรส์เท่าไหร่ แต่ที่ตื่นตะลึงในระดับนวัตกรรมดูดซับทรัพยากรเข้ากระเป๋าคือ เขาขอพ่วงเงิน “ค่าเสียโอกาส” เข้าไปด้วย

เหตุผลก็คือ กสทช. เข้าข่ายผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมาย ป.ป.ช. เมื่อพ้นตำแหน่งจึงต้องเว้นวรรค 2 ปี ห้ามไปทำงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ตนเคยทำงานกำกับดูแล จะไปเป็นลูกจ้าง พนักงาน กรรมการ ที่ปรึกษาไม่ได้ เขาออกกฎหมายมาเพื่อป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน และให้ทำงานได้อย่างเป็นอิสระระหว่างดำรงตำแหน่ง

สำนักงาน กสทช. พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างมหัศจรรย์มากครับ เขาตั้งแท่นเสนอเรื่องให้ ครม. อนุมัติจ่าย “ค่าเสียโอกาส” ให้ กสทช. ทั้ง 7 คน โดยคิดคำนวณว่า ต้องเว้นวรรคสองปีใช่ไหม ฉะนั้น เดี๋ยวจ่ายเงินเดือนเท่ากับสมัยเป็น กสทช. มูลค่าสองปีเต็ม แล้วเอาเงินก้อนนั้นมาหารเฉลี่ยจ่ายเป็นเงินสมทบเงินเดือนให้ทุกเดือนตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 6 ปีเต็ม คำนวณกันแล้ว ประธานได้ “ค่าเสียโอกาส” เพิ่มอีกเดือนละ 89,667 บาท ส่วนกรรมการได้เพิ่มเดือนละ 71,667 บาท

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามฝันของสำนักงาน กสทช. ประธานจะได้รายรับในแต่ละเดือน 450,834 บาท ส่วนกรรมการได้เดือนละ 360,834 บาท เพิ่มจากรายรับในปัจจุบันถึง 34% เลยทีเดียว

ความจุกอกดอกที่หนึ่งคือ เหตุผลที่สำนักงาน กสทช. ใช้ประกอบการเสนอเรื่องเข้า ครม. ครับ เขาเขียนว่า

“กสทช. … ต้องปฏิบัติงานเต็มเวลาแตกต่างจากกรรมการประเภทอื่น นอกจากนี้ ยังไม่อาจประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอิสระอื่นใดได้ โดยเฉพาะกิจการที่มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ กสทช. ตลอดจนไม่อาจเป็นกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐได้” (หน้า 5)

และ

“การเป็นกรรมการ กสทช. กฎหมายกำหนดให้เป็นได้ครั้งเดียวและมีวาระในการดำรงตำแหน่งได้เพียง 6 ปีเท่านั้น และเมื่อพ้นจากตำแหน่ง กสทช.แล้วภายใน 2 ปี ไม่สามารถจะไปประกอบอาชีพหรือดำเนินกิจการที่มีลักษณะที่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือมีผลประโยชน์ขัดหรือแย้งไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. และยังเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท” (หน้า 6)

เป็น กสทช. นี่มันน่าเห็นใจเหลือเกินนะครับ ก็รู้เงื่อนไขเหล่านี้กันอยู่เต็มอกกันก่อนสมัครมาทำงานแล้ว ทำไมถึงอยากมาเป็นกันตั้งแต่แรก

ความจุกอกดอกที่สอง คือ ข้ออ้างที่ว่า การเสนอขอขึ้นเงินเดือนและ “ค่าเสียโอกาส” ครั้งนี้ ไม่ได้กระทบประเทศชาติ เพราะสำนักงาน กสทช. ไม่ได้ไปของบประมาณแผ่นดินจากสำนักงบฯ แต่ใช้เงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ ซึ่ง กสทช. ดูแลอยู่ ที่ผ่านมาเหลือจ่ายนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินอยู่แล้ว เราเอาเงินตรงนี้มาใช้ไม่ได้ไปเอาตรงโน้น

สำนักงาน กสทช. เขียนเหตุผลไว้แบบนี้ครับ

“การปรับเพิ่มค่าตอบแทนในครั้งนี้มิได้ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน โดยแหล่งเงินค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างท้องที่ดังกล่าวมาจากรายได้จากการปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ได้แก่ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการประกอบกิจการ ซึ่งที่ผ่านมามีรายได้เพียงพอกับรายจ่าย และมีเงินเหลือจ่ายนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินมาตลอดทุกปี จึงไม่กระทบและเป็นภาระต่อการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด”

ความตลกร้ายก็คือ คุณจะขอเงิน “ค่าเสียโอกาส” ให้ตัวเอง แต่มองไม่เห็นคอนเซปต์ “ค่าเสียโอกาส” ของประเทศชาติเลยหรือ เพราะถ้าไม่เอาเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ มาเข้ากระเป๋าคนทำงาน กสทช. เงินส่วนนั้นก็จะส่งกลับไปเป็นรายได้แผ่นดิน สามารถเอาไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์สาธารณะในวงกว้างต่อไปได้

เคสนี้คลาสสิกดีนะครับ ครูบาอาจารย์เศรษฐศาสตร์เอาไปใช้ถกใช้สอนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นกันได้เลยครับ

ถ้าข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ได้รับการอนุมัติ เกิดบรรทัดฐาน “ค่าเสียโอกาส” ขึ้นมาก็สนุกกันใหญ่ละครับ เพราะ กสทช. ไม่ใช่องค์กรเดียวที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ป.ป.ช. แต่มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงอีกหลายตำแหน่งที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขต้องห้าม 2 ปีนี้ด้วย

พลิกดูประกาศ ป.ป.ช. เรื่องนี้ว่ามีใครเข้าข่ายอยู่ภายใต้ข้อห้ามตามมาตรา 126 (4) ของกฎหมาย ป.ป.ช. บ้าง เจอตำแหน่งยาวเป็นหางว่าวเลยครับ ไล่มาตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ครม. ส.ส. ส.ว. ไปจนถึงหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ทบวง กรม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัด กทม. ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หัวหน้าหน่วยงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด

ถ้าทุกตำแหน่งรวมพลังทำตัวน่าสงสารเรียกร้อง “ค่าเสียโอกาส” ตัวเองกันหมด ลองคำนวณกันเล่นๆ ไหมครับว่า ประเทศไทยต้อง “เสียโอกาส” ไปเท่าไหร่จากการใช้เงินมาจ่าย “ค่าเสียโอกาส” ให้คนใหญ่คนโตในบ้านเมืองเหล่านี้ ต้องใช้เงินกันกี่พันล้านบาทถึงจะพอ

มาถึงตรงนี้ ย้อนคิดไปถึงสำนักงาน กสทช. ทีไร ก็อดทึ่งไม่ได้ว่าคิดนวัตกรรมเพิ่มรายรับให้ กสทช. นี้ขึ้นมาได้อย่างไร ที่ผ่านมา เราเคยเห็นเซอร์ไพรส์จากสำนักงาน กสทช. กันอยู่เนืองๆ ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ต้องจดจำกันไว้ไม่ให้ลืม (จะเรียกว่าผลงานโบว์สีอะไร ก็ตัดสินกันตามรสนิยมของแต่ละคนละกันครับ)

เคราะห์ยังดีครับ ที่พอเข้า ครม. ข้อเสนอของสำนักงาน กสทช. ต้องแท้งไป เพราะหลังจากได้รับเรื่องจากสำนักงาน กสทช. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก็ส่งไปขอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ปรากฏว่าทั้งกระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณ ต่างก็ประสานเสียง ‘คัดค้าน’ แนวคิด “ค่าเสียโอกาส” บ้างว่าขัดต่อกฎหมาย บ้างว่าซ้ำซ้อน บ้างว่ายังไม่เคยมีหน่วยงานไหนขอ “ค่าเสียโอกาส” แบบนี้มาก่อน

แต่ ครม. ก็ยังรับหลักการ พ.ร.ฎ.ค่าตอบแทน กสทช. ไปนะครับ กสทช. ยังขึ้นค่าตอบแทนรายเดือนได้ เพียงแต่ “ค่าเสียโอกาส” ที่จะขอพ่วงไปด้วยน่าจะวืดไป แต่เรื่องยังไม่จบนะครับ เรื่องถูกส่งต่อไปที่กฤษฎีกา ก็ชวนตามดูกันต่อไปว่าสุดท้าย เนื้อหาของ พ.ร.ฎ.จะออกมาอย่างไร “ค่าเสียโอกาส” ที่หายไปจะแปรสภาพไปเป็นอะไรต่อไหม ไปซ่อนไปเสริมอยู่ตรงไหนหรือไม่ สุดท้ายแล้ว กสทช. จะได้รายรับเพิ่มขึ้นกันคนละเท่าไหร่ในแต่ละเดือนในรูปของอะไร

เขียนมาทั้งหมดชวนไปอ่านงานเรื่องนี้ของ 101 ครับ เราไล่เรียงที่มาที่ไปและเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “ค่าเสียโอกาส” กสทช. ครั้งนี้ไว้อย่างครบถ้วน ตามไปทำความเข้าใจเศรษฐกิจการเมืองไทย และการกำกับดูแลในโลกจริง ผ่านเคสจริงเคสนี้กันดูครับ

อเมซซิ่งไทยแลนด์แดนสวรรค์กันสุดๆ

ลิงก์อยู่ที่นี่ครับ https://www.the101.world/nbtc-opp-cost/

Print Friendly