คนปลูกต้นไม้

หลายคนคงเคยอ่านหนังสือเรื่อง คนปลูกต้นไม้ ของ Jean Giono นักเขียนชาวฝรั่งเศส    หนังสือเล่มนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของผมทีเดียวครับ

คนปลูกต้นไม้ เป็นเรื่องราวของบุฟฟิเยร์ ชายเลี้ยงแกะ ผู้ใช้ชีวิตตัวคนเดียวอย่างสงบในแถบเทือกเขาสูงที่แสนแห้งแล้งของฝรั่งเศส  บุฟฟิเยร์ถือวัตรปฏิบัติประจำวันด้วยการปลูกต้นไม้ให้กับแผ่นดินที่กำลังจะตาย ตามกำลังที่คนแก่อย่างเขาพึงมี  ท้ายที่สุด  ความมุ่งมั่นปลูกต้นไม้วันละนิดละหน่อยด้วยตัวคนเดียวของเขาก็ส่งผลให้ผืนแผ่นดินที่กำลังจะสิ้นใจฟื้นคืนชีวิตอันร่มรื่นสดใสอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

เมืองไทยเราก็มี “บุฟฟิเยร์” นะครับ

ผมไม่เคยนึกฝันว่าจะได้เห็น “คนปลูกต้นไม้” แบบในหนังสือในโลกแห่งความจริง    จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อต้นเดือนธันวาคม ผมมีโอกาสได้ชมเทปรายการ “ถึงลูกถึงคน” ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ทางอินเทอร์เน็ต

ณ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ อำเภอที่ยากจนที่สุดของประเทศไทย ที่เคยมีข่าวเด็กกินดินให้สลดใจ มีดาบตำรวจคนหนึ่งเฝ้าเพียรปลูกต้นไม้ทุกวันตามพื้นที่สาธารณะมาเป็นเวลา 15 ปี ในช่วงก่อนและหลังเวลางาน โดยไม่ได้เรียกร้องหรือคาดหวังผลประโยชน์ใด ๆ

จากเริ่มแรก ที่ถูกชาวบ้านเฝ้ามองด้วยสายตาแปลก ๆ  กระทั่งบางคนหาว่าเขาบ้า  … 15 ปีผ่านไป ดินแดนที่เคยแห้งแล้งกันดารก็พลิกโฉมกลับเต็มไปด้วยต้นตาลกว่าสองล้านต้น และต้นไม้อื่น ๆ อีกมากมาย …  ความร่มรื่นเข้าแทนที่ความหม่นหมอง

ใครว่า สามัญชนคนเดียวเปลี่ยนโลกไม่ได้ครับ !

คนธรรมดาที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างธรรมดา โดยไม่เรียกร้องความสนใจจากใคร – หากซื่อสัตย์ต่อภารกิจ หน้าที่ และอุดมการณ์ของตน ที่วาดฝันให้สังคมส่วนรวมและโลกรอบตัวดีขึ้น –   สามารถสร้างความงดงามให้โลกและสังคมได้อย่างน่ามหัศจรรย์  ดังการกระทำของบุฟฟิเยร์ และดาบตรีวิชัย สุริยุทธ  ผู้บังคับงานหมู่สอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ

แม้ผลลัพธ์จากแรงกายแรงใจของเราไม่ผลิดอกออกผลให้ได้ชื่นชมอย่างฉาบฉวยทันใจ  หากต้องใช้เวลานับทศวรรษ

แม้ตอนเราลงมือทำในสิ่งที่เราเชื่อมั่น จะมีคนหัวเราะเยาะหรือปรามาส

แม้สิ่งที่เราทำดูจะเป็นเพียงแค่ผงธุลีที่แลดูไม่สลักสำคัญอะไรในแต่ละวัน

แต่คนเล็ก ๆ คนหนึ่ง สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ได้  หากคงไว้ซึ่งความศรัทธา และก้มตาก้มตารับใช้อุดมการณ์ของตน 

ต้นไม้เพียงไม่กี่ต้นที่เราทยอยปลูกในแต่ละวันตามกำลังที่พอมี เมื่อรวมเข้าด้วยกัน กลับส่งผลยิ่งใหญ่อย่างคาดไม่ถึง ด้วยพลังห่วงโซ่แห่งความดี

สังคมหรือชีวิตในอุดมคติคงเกิดขึ้นไม่ได้ หากเราเลิกใฝ่ฝันถึงมัน และไม่พยายามลงมือทำมันให้เป็นจริง ตามกำลังที่อำนวย

รักษาจิตวิญญาณแห่งความเป็น “คนปลูกต้นไม้” ไว้นะครับ ไม่ว่าคุณจะมีพื้นที่อยู่ตรงไหนในสังคมและชุมชนของคุณ

“ต้นไม้” ที่ว่า มิได้แค่หมายถึง “ต้นไม้” เท่านั้นนะครับ

ทุกคนสามารถเป็น “คนปลูกต้นไม้” ได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงมือปลูกต้นไม้จริง ๆ เหมือนคนปลูกต้นไม้ทั้งสองที่กล่าวมาแต่อย่างใด

เพราะต้นไม้แห่งความดี ปลูกไม่ยาก ขึ้นง่าย ไม่ใช้ต้นทุนมาก ไม่เสียเวลา แต่กลับส่งผลกระทบกว้างไกล  อีกทั้งมันยังดูแลรักษาและแพร่พันธุ์ได้ด้วยตัวเอง

… ใช้แต่ใจเท่านั้นครับ โดยเฉพาะจิตใจที่คิดพ้นไปจากตัวเอง

 

ตีพิมพ์: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 8 มกราคม 2547

 

 

Print Friendly