อ่าน ทวี หมื่นนิกร ผ่าน “…เศรษฐศาสตร์จึงต้องเป็นเศรษฐศาสตร์การเมือง”

– 1 –

ในบรรดาหนังสือทั้งหมดที่ผมเคยรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการ หนังสือเล่มหนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษคือหนังสือ “…เศรษฐศาสตร์จึงต้องเป็นเศรษฐศาสตร์การเมือง” (2552, คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักพิมพ์ openbooks) หนังสือรวบรวมบทความด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองของ ทวี หมื่นนิกร

อาจารย์ทวี หมื่นนิกร เป็นอาจารย์ประจำรุ่นแรกของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในยุค “ก่อร่างสร้างคณะ” สมัยศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ดำรงตำแหน่งคณบดี ต่อมาอาจารย์ทวีได้รับทุนร็อกกีเฟลเลอร์ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา

ชีวิตของอาจารย์ทวีเป็นชีวิตที่โชกโชน กว่าท่านจะจบปริญญาตรีที่คณะเศรษฐศาสตร์ อายุก็ปาเข้าไป 34 ปีแล้ว เพราะเส้นทางชีวิตก่อนหน้านั้น อาจารย์ทวีเคยเป็นนักเรียนการบิน เป็นจ่าทหารอากาศ เคยร่วมรบในสงครามเกาหลี และเป็นครูโรงเรียนช่างกลปทุมวันมาก่อน  เมื่ออาจารย์ไปเรียนต่อที่อเมริกา อาจารย์ต้องทำงานที่โรงงานทอผ้าตอนกลางคืนเพื่อหาเงินเรียนหนังสือ หลังจากถูกตัดทุน เพราะทิ้งการเรียนที่มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา เนื่องจากทะเลาะกับอาจารย์เรื่องวิชาการ

ต่อมาภายหลัง อาจารย์ทวีจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยมิดเดิลเทนเนสซีในปี พ.ศ. 2513 และกลับมารับราชการที่คณะ อาจารย์ทวีทุ่มเทชีวิตทางวิชาการให้แก่สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง นอกจากเขียนหนังสือ เขียนบทความ และแปลหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มาร์กซิสต์ ประวัติความคิดทางเศรษฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์สังคมนิยม เป็นหลักแล้ว อาจารย์ทวียังเป็นผู้บุกเบิกการเรียนการสอนวิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง และเศรษฐศาสตร์สังคมนิยมในวงวิชาการเศรษฐศาสตร์ไทย นับว่าอาจารย์ทวีเป็นนักเศรษฐศาสตร์การเมืองไทยคนสำคัญยิ่งในยุคต้น

อาจารย์ทวียังเป็นนักต่อสู้เพื่อสังคมที่เป็นประชาธิปไตย เป็นธรรม และเท่าเทียม อาจารย์เข้าร่วมกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญและเป็น 1 ใน 13 “กบฏ” ในช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 อาจารย์เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย อาจารย์เป็นกำลังสำคัญของนิตยสาร “ชาวบ้าน” หรือ “เศรษฐศาสตร์สารฉบับชาวบ้าน” ของสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นนิตยสารฉบับแรกที่ตีพิมพ์ “จดหมายจากนายเข้ม เย็นยิ่ง ถึงผู้ใหญ่ทำนุ เกียรติก้อง” ของอาจารย์ป๋วย ในฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ.2515

 

– 2 –

นอกจากงานเขียนของอาจารย์ทวีจะให้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง และสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นแล้ว ผู้อ่านยังได้รับความรื่นรมย์จากการอ่านด้วย เนื่องจาก อาจารย์ทวีเขียนหนังสืออ่านสนุก เข้าใจง่าย มีลีลาการเขียนเฉพาะตัวที่เปี่ยมเสน่ห์ และเฉียบคม

ถ้อยความบางตอนจากบทอารัมภกถาของหนังสือ “เศรษฐศาสตร์สวัสดิการ” (2517, สำนักพิมพ์เคล็ดไทย) สามารถสะท้อนตัวตน ความคิด และลีลาการเขียนของอาจารย์ทวีได้อย่างดี เนื้อความที่ยกมาให้อ่านในที่นี้ไม่ได้ถูกรวมตีพิมพ์ในหนังสือ “…เศรษฐศาสตร์จึงต้องเป็นเศรษฐศาสตร์การเมือง” แต่เนื่องจากเป็นหนังสือหายาก มีน้อยคนนักที่ได้อ่าน ผมจึงขอนำมาบันทึกไว้ในคอลัมน์นี้แทน

“หนังสือเล่มนี้แปลความจาก Analytical Welfare Economics ของ D.M. Winch มีการแต่งเติมเป็นบางตอนตามใจชอบของผมเอง แน่ละ นักวิชาการผู้รักษามรรยาทอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องย่อมประณามการกระทำของผม เชิญตามสบายเถิด

ภาษาไทยที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้อาจแปร่งๆ อยู่บ้าง นั่นก็เป็นธรรมดาที่สุดสำหรับผู้ไม่สันทัดด้านภาษาอย่างผม ที่แย่กว่านั้นคือ พื้นฐานความรู้ทางวิชาการของผมมันอ่อนแอปวกเปียกเต็มที จึงไม่สามารถประดิษฐ์คิดค้นทฤษฎีแปลกๆ ใหม่ๆ ให้บรรลือโลกได้ ครั้นจะคอยนักวิชาการพหูสูตรหรือที่คิดว่าตนเองเป็นพหูสูตรให้ขยายภูมิรู้ออกมา ก็ไม่เห็นมีหน้าไหนทำอย่างนั้น ที่เขียนๆ กันออกมา มันก็แค่เอาของนักวิชาการต่างชาติมาประติดประต่อกันนั่นเอง แล้วคนไทยที่ไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็กราบกรานอย่างยกย่องบูชาว่าเป็นเทวดามาโปรด และเทวดาเหล่านั้นก็ชอบหากินกับคนต่างชาติเสียด้วย หรือมิฉะนั้นก็ฝากเนื้อฝากตัวกับผู้ที่มั่งคั่งร่ำรวย โอกาสที่จะถ่ายทอดวิชาการออกมาเป็นภาษาไทยให้คนไทยได้ศึกษาเรียนรู้จึงถือว่าไม่คุ้มค่าน้ำเงิน วงการวิชาการของไทยจึงอับเฉามากๆ

ปีหนึ่งๆ รัฐบาลต้องเสียภาษีอากรของประชาชนจ้างคนไทยด้วยกันให้เป็นเทวดาไม่รู้ว่าเท่าไร และเหล่าเทวดาก็ทำตนเป็นเทวดาอยู่หอคอยงาช้างตีนไม่ติดดิน ค่านิยมของสังคมก็เป็นอย่างนั้น ซ้ำร้ายระเบียบข้าราชการแบบศักดินายังทำให้ข้าราชการสำคัญผิดคิดว่าตนเองเป็นเจ้านายของประชาชนเสียอีก ขนมจีนน้ำยาแท้ๆ เทียว …

… ที่แน่เสียยิ่งกว่าแน่ก็คือ (ขอขอบคุณ) พ่อแม่พี่น้องของผมเองที่ได้ช่วยปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งให้ผมเป็นผู้เป็นคนมาจนทุกวันนี้ หาไม่แล้วก็คงเป็นโจรผู้ร้ายทำลายสวัสดิการของประชาชนตั้งแต่วัยรุ่นโน่นแล้ว จะไม่ให้ผมแสดงความสำนึกกตัญญูรู้คุณไว้ ณ ที่นี้กระไรได้”

 

– 3 –

กล่าวสำหรับหนังสือ “…เศรษฐศาสตร์จึงต้องเป็นเศรษฐศาสตร์การเมือง” เล่มนี้ ชื่อของหนังสือถูกคัดมาจากประโยคจบของบทความ “เศรษฐศาสตร์เพื่อมนุษยชาติ: ข้อสังเกตบางประการ” (2523) ผมเห็นว่า ประโยคดังกล่าวเป็นประโยคที่สะท้อนแก่นความคิดทางเศรษฐศาสตร์ของทวี หมื่นนิกร ได้อย่างดีที่สุด เนื้อความตอนจบของบทความนั้นคือ

“… นักเศรษฐศาสตร์ “ล้วนๆ” ที่วิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจโดยนำเอาแต่เฉพาะปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญๆ มารวม มักจะไม่เข้าใจว่า ทำไมข้อเสนอนโยบายทางเศรษฐกิจของตนที่ว่าสมบูรณ์แล้ว จึงต้องลงตะกร้าไป และเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะกล่าวโทษว่านักการเมืองหรือรัฐบาลไม่มีน้ำยา หรือที่แรงกว่านั้นก็ว่า “งี่เง่า” ไปเลย นักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่ยอมรับการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหว่างเศรษฐศาสตร์กับการเมือง ย่อมอธิบายความเป็นจริงได้ไม่เพียงพอ และข้อเสนอนโยบายทางเศรษฐกิจของเขามีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จักได้รับการนำไปปฏิบัติ

เศรษฐศาสตร์จึงต้องเป็นเศรษฐศาสตร์การเมือง”

ในช่วงท้ายของชีวิต อาจารย์ทวีได้ตั้งคำถามต่อวงวิชาการเศรษฐศาสตร์กระแสหลักและนักเศรษฐศาสตร์ไทยด้วยความทดท้อใจ ดังสัมผัสได้ในบทนำของหนังสือ “คิดถึงคนไกลบ้าน…ป๋วย อึ๊งภากรณ์” (2531, สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง) ความว่า

“… สิ่งที่ติดค้างอยู่ในความคิดของผมทุกวันนี้คือ นักเศรษฐศาสตร์ ไม่ว่าจะทำหน้าที่ให้คำแนะนำแก่รัฐบาล แก่วิสาหกิจเอกชน หรือเป็นผู้บรรยายอย่างงมงายตามสูตรของตะวันตก กระทำผิดธรรมะหรือไม่

อาจารย์ (ป๋วย) ไม่อยู่ในวิสัยที่จะชี้แจงได้เสียแล้ว และผมก็ไม่หวังที่จะได้คำตอบใดๆ จากนักเศรษฐศาสตร์ที่เก่งแต่พูด ละโมบโลภมาก โอหัง จองหองพองขน และบูชาเงินเหล่านั้น

ทุกวันนี้ ผมรู้สึกเสมือนหนึ่งว่าตนเองอยู่กลางป่าช้าผีดิบ คืนเดือนมืด ท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองอย่างเกรี้ยวกราด

ผมคิดถึงอาจารย์ป๋วย…บุรุษอาชาไนย…คนนั้น จังเลยครับ”

ไม่นานนับจากนั้น อาจารย์ทวีเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2533 ด้วยโรคหัวใจ บนรถไฟพิเศษปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ขณะเดินทางเพื่อไปสอนหนังสือในโครงการธุรกิจสู่ชนบทของคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อำเภอพรหมพิราม จ.พิษณุโลก สิริรวมอายุได้ 60 ปี

สำหรับผู้สนใจเศรษฐศาสตร์การเมืองในบริบทของสังคมเศรษฐกิจไทย ผลงานเขียนของทวี หมื่นนิกร เป็นงานที่มิอาจผ่านเลย

 

ตีพิมพ์: คอลัมน์ way to read! นิตยสาร way ฉบับเดือนมีนาคม 2554

 

 

Print Friendly