– 1 –
“เอ่อ ทำไมถึงได้อุตส่าห์มาหาพวกเราละคะ?” ภรรยาหม้ายบ้านยุกาว่าถาม ภายหลังจากได้สนทนากับชายหนุ่ม ผู้มาเยือนและแนะนำตัวว่าเขาคือคนที่พยายามช่วยชีวิตสามีของเธอบนยอดเขาโฮะทากะ แต่ท้ายสุดก็ล้มเหลว
ซัมโปะ ชายหนุ่มผู้นั้น เล่าตอบว่า “วันนั้นคุณยุกาว่าไม่ได้เอาเต็นท์ไปด้วย … ถ้าตอนนั้นมีเต็นท์อยู่ ก็อาจจะรอดจากพายุหิมะได้ คงเป็นเพราะเต็นท์มันหนักเกินไป สำหรับคนที่ตั้งใจจะปีนขึ้นและลงในเวลาที่จำกัด คนที่คิดว่าจะต้องรีบกลับบ้านให้ได้ ย่อมต้องคิดว่า บ้านสำคัญกว่าเต็นท์ …
“ผมก็เลยอยากจะมาพบครอบครัวของคนที่คิดแบบนั้นครับ”
“ไร้ความรับผิดชอบ เขาไร้ความรับผิดชอบจริงๆ ด้วย” ภรรยาก้มหน้าปิดบังความหม่นเศร้าเคล้าตื้นตัน
– 2 –
ณ สถานีรถไฟใต้ดิน ชายแก่วัยใกล้เกษียณคนหนึ่งยืนนิ่งมองป้ายโฆษณายักษ์รูปเทือกเขาแอลป์ฝั่งเหนืออย่างไม่ยอมละสายตา ใกล้กันนั้นซัมโปะเฝ้าสังเกตอาการของชายชราอย่างสนใจ
ชายชราบอกกับชายหนุ่มว่า “สมัยรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ ผมไปปีนหน้าผาเบียวบุแทบทุกสัปดาห์เลย”
“นั่นแน่ะ นึกแล้วเชียว ตอนนี้ละ ไม่ไปแล้วเหรอ” ซัมโปะถาม
“ไม่ได้ไปแล้วละ ตั้งแต่แต่งงาน ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง ยังงี้ก็คงดีแล้วละ” ชายชราตอบกลับ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย … เพราะทั้งเบียวบุ ทั้งคิตะโฮะ แล้วก็แอลป์ฝั่งเหนือทั้งหมด ก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้” ซัมโปะตอบ พร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างจริงใจ พลางคิดต่อในใจว่า “…และเฝ้ารอให้คุณกลับไปเยือน”
– 3 –
ซัมโปะ จอมคนแห่งขุนเขา ผลงานของอิชิซุกะ ชินิจิ บอกเล่าประสบการณ์ชีวิตของชิมะซากิ ซัมโปะ อาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนภูเขาแถบเทือกเขาแอลป์ฝั่งเหนือ การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับรางวัล Manga Taisho (Cartoon Grand Prize) เมื่อปี 2008 และรางวัล Shogakukan Manga Award for general manga เมื่อปี 2009 ลิขสิทธิ์ภาษาไทยเป็นของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ตีพิมพ์มาแล้ว 5 เล่ม แต่ไม่ได้โด่งดังในตลาดการ์ตูนเมืองไทย
ซัมโปะเป็นการ์ตูนแบบจบในตอนที่กินใจ เนื้อเรื่องแปลกใหม่ และดำเนินเรื่องอย่างมีจังหวะจะโคนสนุกสนาน อ่านแล้วได้อารมณ์เหมือนกำลังอ่านเรื่องสั้นชั้นดีและดูหนังสั้นรสอร่อยผสมๆ กัน เพราะเด่นทั้งเนื้อหาและเทคนิคการเล่าเรื่องด้วยภาพ ผู้เขียนบอกเล่าเรื่องราวที่ตนรู้จริงและรู้สึกจริง เนื่องจากตัวเองก็เป็นนักปีนเขาตัวยงด้วย จึงสามารถถ่ายทอดโลกแห่งขุนเขาเป็นนิยายภาพอย่างกลมกล่อม สร้างบรรยากาศได้สมจริง ทั้งยังสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการปีนเขาไว้อย่างลงตัว
ในแต่ละตอน ซัมโปะต้องเผชิญเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันกับความเป็น-ความตายของเหล่านักปีนเขา ซึ่งผู้คนเหล่านั้นไม่ได้เพียงแค่ต้องการค้นหาความงามของธรรมชาติ แต่มาเพื่อแสวงหาคุณค่า เรียนรู้ความหมาย และความจริงของชีวิตด้วยพร้อมกัน
นักปีนเขาแต่ละคนมีภูมิหลังและแรงผลักของชีวิตแตกต่างกัน บ้างเป็นนักธุรกิจผู้ล้มเหลว บ้างเป็นนักปีนเขาอาชีพผู้ต้องการพิสูจน์ตัวเอง บ้างเป็นกวีผู้ตามหาลูกชายที่หายไป บ้างเป็นคู่สามี-ภรรยา คู่เจ้านาย-ลูกน้อง กลุ่มครู-เด็กนักเรียน หรือกลุ่มเพื่อนสนิท เขาเหล่านั้นมาปีนเขาด้วยเหตุผลหลากหลาย ไม่ว่าจะด้วยจิตใจรักการผจญภัย รักธรรมชาติ พลังมิตรภาพ ต้องการลี้ภัยจากชีวิตจริงอันแสนน่าเบื่อ อยากเท่ กระทั่งมาตามหาความรัก บางคนมาตามฝันของตนเอง ส่วนบางคนมาเพื่อช่วยสร้างฝันของคนอื่นให้เป็นจริง
ซัมโปะต้องลงมือช่วยเหลือคนเหล่านั้นให้รอดชีวิตจากภัยธรรมชาติและอุบัติเหตุต่างๆ ภายใต้สถานการณ์ที่บีบบังคับ กดดัน และเต็มไปด้วยปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเรียกร้องการตัดสินใจอย่างรวดเร็วแต่ต้องรอบคอบ และต้องเฉียบขาดแต่มิอาจขาดสติ
เนื้อหาบางตอนบอกเล่าเรื่องราวของความพยายามมุ่งชนะอุปสรรครอบตัวเพื่อรักษาชีวิตรอด แต่บางตอนกลับสอนให้เราเห็นถึงความงามของการยอมแพ้ การล่าถอย และการปล่อยวาง บางตอนเหมือนจะชวนให้คิดว่ามนุษย์มีศักยภาพที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ แต่บางตอนกลับสั่งสอนเราถึงความเล็กจ้อยของมนุษย์ผู้น้อยเบื้องหน้าธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ บางตอนแสดงตัวอย่างให้เห็นว่าชะตากรรมของคนขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง แต่บางตอนกลับอ่านความระหว่างบรรทัดได้ว่าขึ้นกับโชคชะตาฟ้ากำหนดต่างหาก
นี่คือเสน่ห์ของซัมโปะ ลีลาการเล่าเรื่องชั้นเซียนด้วยท่วงทำนองแบบ ‘น้อยแต่มาก’ และ ‘เรียบง่ายแต่งดงาม’ กลับสามารถสะท้อนชีวิตของคนธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ได้อย่างแม่นยำชัดเจนและจริงเหลือเกิน นั่นคือ ชีวิตที่ไม่มีบทเรียนสำเร็จรูป ไร้แบบแผน และไม่มีคำตอบตายตัว แต่เป็นชีวิตที่ขึ้นกับผลพวงของปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรา-คนอื่นๆ-ธรรมชาติ ชีวิตที่ต้องอาศัยทั้งฝีมือและโชคชะตาฟ้าดินเป็นตัวกำหนด และชีวิตที่ต้องผสมผสานระหว่างการมุ่งมั่นเอาชนะและการปล่อยวางอย่างสมดุลลงตัว ท่ามกลางความไม่เที่ยงของชีวิตและธรรมชาติ
ผู้เขียนพาเราเฝ้ามองชีวิตผู้คนบนขุนเขาอย่างถ่อมตัว ย้ำเตือนเราว่ามนุษย์เราเป็นเพียงเสี้ยวส่วนเล็กๆ ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ความพยายามเอาชนะธรรมชาติจึงเป็นเรื่องน่าขันและไม่เจียม แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็ปลุกเร้าให้เราเห็นความงดงามของการมีชีวิตอยู่ พยายามต่อสู้ขวากหนามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ และกระตุ้นให้เราใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าตามเจตจำนงที่เราเลือกเอง
โดยมีซัมโปะเป็นตัวแสดงของการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี ท่ามกลางธรรมชาติ ร่วมกับธรรมชาติ อย่างเข้าใจธรรมชาติ และเป็นธรรมชาติ
ตีพิมพ์: คอลัมน์ way to read! นิตยสาร way ฉบับเดือนกรกฎาคม 2553