เมื่อรวมเอาหนังสือชุดทัศนะของป๋วย อึ๊งภากรณ์ 4 เล่มใหม่หมาด เข้ากับผลงานเขียนของป๋วย อึ๊งภากรณ์ อีก 3 เล่ม ที่กษิดิศเป็นบรรณาธิการจนสำเร็จมาก่อนหน้านี้ นั่นคือ “ทหารชั่วคราว” “อัตชีวประวัติ: เหลียวหลัง แลหน้า” และ “คนที่ผมรู้จัก” จึงกล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่า ทั้ง 7 เล่มนี้คืองานนิพนธ์ชุดสมบูรณ์ของป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ดีที่สุดและครบถ้วนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
บทความ
มองการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาแบบฉลาดหลังเหตุการณ์ (ทั้งที่ยังไม่หายโง่)
ผมติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2016 อย่างหงอยๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นการเลือกตั้งที่หมดสนุก สลดหดหู่ และไร้ซึ่งความหวังที่สุดตั้งแต่ติดตามการเมืองอเมริกามากว่า 25 ปี (ไม่นับกระแส feel the bern ของคุณปู่เบอร์นี่ แซนเดอร์ส สมาชิกวุฒิสภารัฐเวอร์มอนต์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครต)
ทั้งฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ต่างก็เป็นผู้สมัครที่มีคนเกลียดมากกว่าคนรักในสายตาของประชาชนทั่วไป (ระดับ 60:40 พอกันทั้งคู่) ไม่ต้องพูดถึงกองเชียร์ของพรรคฝั่งตรงข้ามที่โคตรเกลียด ส่วนกองเชียร์ภายในพรรคตัวเองจำนวนมากก็ไม่ชอบหน้าเช่นกัน
เพียงแค่ 8 ปี บรรยากาศแห่งความหวังที่โอบามาปลูกไว้ในการเลือกตั้งปี 2008 ก็มลายสิ้นจากสังคมการเมืองอเมริกัน เหลือเพียงความเป็นจริงทางการเมืองที่ขมขื่น ฉาวโฉ่ ไร้ทางเลือก เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและความเกลียดชัง
ดาบในมือผู้นำ
ใครเคยเยี่ยมชม National Museum of American History หนึ่งในพิพิธภัณฑ์สังกัด Smithsonian Institution กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. น่าจะเคยเห็นรูปปั้นนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนชั้นสอง
ดูออกไหมครับว่านี่คือรูปปั้นของจอร์จ วอชิงตัน ผู้นำการปฏิวัติอเมริกันเพื่อประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ ประธานการประชุมร่างรัฐธรรมนูญที่ฟิลาเดลเฟียในช่วงฤดูร้อนปี 1789 บิดาผู้ก่อร่างสร้างประเทศ และประธานาธิบดีคนแรกสหรัฐอเมริกา
35 | 53 หนุ่มสาวในห้วงของการเปลี่ยนผ่าน (ตอน 1)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2559 ศูนย์ศึกษาสังคมและวัฒนธรรมร่วมสมัย คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชวนอาจารย์ประจักษ์ ก้องกีรติ กับผม มาแลกเปลี่ยนกันเรื่องพัฒนาการของสังคม-เศรษฐกิจ-การเมืองไทยในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เชื่อมโยงมาถึงสภาพปัจจุบันและมองไปข้างหน้า โดยมีคุณชูวัส ฤกษ์ศิริสุข เป็นผู้ชวนสนทนา
ในคุกไม่อยากตื่น นอกคุกไม่อยากหลับ
“เราจะข่มตาหลับในแต่ละวัน มันยากมาก แต่ว่าการที่จะฝืนลืมตาตื่นในแต่ละวัน ยากกว่าข่มตาหลับอีก เพราะเวลาหลับไปแล้ว เราได้ล่องลอย เห็นคน เห็นพ่อ เห็นแม่ เห็นเพื่อน เห็นทุกๆ คน เราเลยไม่อยากตื่น แต่พอเราออกมา เราไม่อยากหลับ เพราะเวลาหลับ มันก็ขึ้นมาในหัวสมองของเรา เป็นลูกกรงขึ้นมาเลย เป็นสภาพความเป็นอยู่ขึ้นมา”
– ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม –
สอนหนังสือในธรรมศาสตร์
เกือบ 17 ปี ที่สอนหนังสือในธรรมศาสตร์ มีความทรงจำที่งดงามเกี่ยวกับการสอนมากมาย โดยเฉพาะความประทับใจต่อลูกศิษย์แต่ละรุ่น
ครั้งแรกที่ผมได้สอนหนังสือให้คณะคือภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2542 วิชาแรกคือหลักสาม (ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาค แต่สมัยนั้นเรียกชื่อวิชาว่า ทฤษฎีราคาและวิภาคกรรม ชื่อเท่ดีไหม) โดยเป็นอาจารย์ติวในห้องย่อย และขึ้นสอนบางหัวข้อในห้องใหญ่ ถ้าจำไม่ผิดจะได้สอนส่วนที่ว่าด้วยตลาดผูกขาด นักศึกษารุ่นนั้นคือรุ่นรหัส 41 – ไหม ป๊อป ชวน ฯลฯ
เทอมต่อมาถึงได้รับผิดชอบเต็มวิชา สอนวิชาหลักสอง (เศรษฐศาสตร์มหภาคเบื้องต้น) ลูกศิษย์รุ่นแรกแบบเต็มตัวคือรุ่นโหม่ง สุนทร ฯลฯ
การสอนครั้งแรกๆ ย่อมอยู่ในความทรงจำเสมอ ช่วงนั้นวัยผมกับลูกศิษย์ไม่ได้ห่างกัน เพราะผมเป็นอาจารย์ตั้งแต่จบปริญญาตรี จึงอยู่กันแบบพี่แบบน้อง หลายคนยังคงคบหากันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน บางคนกลายเป็นอาจารย์ร่วมคณะ เป็นเพื่อนร่วมงานที่ทีดีอาร์ไอ หลายคนยังติดต่อกันอยู่เสมอ
ฟาสซิสต์กับประชาธิปไตย
ระบอบฟาสซิสต์กับประชาธิปไตยสัมพันธ์กันอย่างไร
อำลาเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์
วันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของผมในฐานะอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครับ
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือเป็นบ้านหลังที่สองของผม หากนับตั้งแต่แรกเข้าเป็นนักศึกษาปริญญาตรี ผมก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มา 22 ปีเต็ม เรียกว่าเกินครึ่งหนึ่งของชีวิต
แน่นอนว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
“ความหวัง” ที่ “เราทำได้”
ขณะที่เราหายใจ เรามีความหวัง
เมื่อเราพบเจอความมองโลกในแง่ร้าย ความลังเลสงสัย และผู้คนที่เฝ้าพร่ำบอกว่าเราไร้สามารถ เราจะตอบกลับไปด้วยหลักการเหนือกาลเวลาที่สรุปจิตวิญญาณแห่งประชาชนว่า
“ใช่ เราทำได้”
20 ปี A Game of Thrones
1 สิงหาคม 1996 A Game of Thrones หนังสือเล่มแรกในชุด A Song of Ice and Fire ของ George R. R. Martin ถูกตีพิมพ์โดย HarperCollins
สำนักพิมพ์ตั้งความหวังเรื่องยอดขายหนังสือปกแข็งไว้ 5,000 เล่มเท่านั้น ส่วนปกอ่อน 50,000 เล่ม ในเวลานั้น จำนวนแค่นี้ก็ยังถือว่าเอาเรื่องพอดู เพราะตลาดของหนังสือประเภทเอพิคแฟนตาซีค่อนข้างจำกัด