สำหรับปาฐกถาป๋วย อึ๊งภากรณ์ “พิศ(ษ)ผู้หญิงในชีวิตของสันติวิธี” โดย ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ หัวใจสำคัญคือคำถามหลักที่ว่า บทบาทที่โดดเด่นของผู้หญิงส่งผลอย่างไรต่อการเข้าใจชีวิตของสันติวิธี? อาจารย์ชัยวัฒน์เลือกที่จะ ‘เล่นมายากล’ แสวงหาคำตอบมาสนทนากับเราด้วยการสำรวจชีวิตของ ‘สันติวิธี’ ผ่านเรื่องราวชีวิตจริงของผู้หญิงสี่คนที่ทำให้ “สันติวิธีมีชีวิตที่มีความหมายลึกล้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์”
Author: pokpong
พิศ(ษ)ผู้หญิงในชีวิตของ “สันติวิธี”
ชื่อหนังสือ: พิศ(ษ)ผู้หญิงในชีวิตของ “สันติวิธี”
ผู้เขียน: ชัยวัฒน์ สถาอานันท์
คณะบรรณาธิการ: ปกป้อง จันวิทย์ สิทธิกร นิพภยะ นภนต์ ภุมมา
ชวนอ่าน:
หัวใจสำคัญของปาฐกถานี้คือคำถามหลักที่ว่า บทบาทที่โดดเด่นของผู้หญิงส่งผลอย่างไรต่อการเข้าใจชีวิตของสันติวิธี? อาจารย์ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เลือกที่จะ ‘เล่นมายากล’ แสวงหาคำตอบมาสนทนากับเราด้วยการสำรวจชีวิตของ ‘สันติวิธี’ ผ่านเรื่องราวชีวิตจริงของผู้หญิงสี่คนที่ทำให้ “สันติวิธีมีชีวิตที่มีความหมายลึกล้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์”
ชวนอ่านปกหลัง:
บทบาทที่ดูจะโดดเด่นยิ่งของผู้หญิงส่งผลอย่างไรต่อการเข้าใจ(ชีวิตของ)สันติวิธี
เรื่องราวชีวิตของผู้หญิงสี่คนคือ Rankin, Sendler, Haidar และวนิดา ทำให้ชีวิตของ “สันติวิธี” เข้มแข็งแต่ว่าอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ฉลาดเฉลียวรู้จักเลี้ยวลดแต่ก็ยืนหยัดมั่นคง และที่สำคัญแวดล้อมอยู่ด้วยวิธีที่มองเห็นชีวิตและ “คนอื่น” แบบหนึ่ง อันเป็นฐานคิดสำคัญของแนวทางสันติวิธี/การไม่ใช้ความรุนแรง
ข้าพเจ้าคิดว่าได้แลเห็นทั้งภาพสี่ภารกิจของการทำงานสันติวิธี และคุณลักษณ์โดดเด่นสี่ประการของสันติวิธี คือ ความกล้าหาญ ความเอื้ออาทร การยอมเสียสละ และการให้ความสำคัญกับชีวิตแม้เพียงชีวิตเดียว
สำนักพิมพ์: คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พิมพ์ครั้งแรก: มีนาคม 2558
หน้า: 224 หน้า
28 ปี ปาฐกถาป๋วย อึ๊งภากรณ์
“28 ปี ปาฐกถาป๋วย อึ๊งภากรณ์” พาผู้อ่านสำรวจเบื้องหลังและพลวัตของปาฐกถาป๋วย อึ๊งภากรณ์ ครั้งที่ 1-14 ของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2530-2558)
ภาพยนตร์สนทนา “หนังครูสู่การปฏิรูปการศึกษา” ณ หอภาพยนตร์ (องค์กรมหาชน)
เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2558 ผมได้รับเชิญจากหอภาพยนตร์ (องค์กรมหาชน) ให้ไปร่วมสนทนาเรื่อง “หนังครูสู่การปฏิรูปการศึกษา” ร่วมกับคุณสัณห์ชัย โชติรสเศรณี และคุณพุทธพงษ์ เจียมรัตตัญญู ภายหลังการฉายภาพยนตร์เรื่อง The Class ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา
เชิญชมเทปบันทึกภาพกิจกรรมภาพยนต์สนทนาได้ที่นี่ครับ
สังคมไทยในวังวนแห่งวิกฤตเปลี่ยนผ่าน
ชื่อหนังสือ: In the vertigo of change: How to resolve Thailand’s transformation crisis (สังคมไทยในวังวนแห่งวิกฤตเปลี่ยนผ่าน
ผู้เขียน: Marc Saxer
ชวนอ่าน:
กว่า 10 ปี ภายใต้วังวนแห่งวิกฤตเปลี่ยนผ่าน ทางออกของประเทศไทยอยู่ตรงไหน? และสังคมไทยจะก้าวข้ามวิกฤตเปลี่ยนผ่านไปสู่ทางออกดังกล่าวได้อย่างไร? หาคำตอบได้จากบทความทั้ง 9 ชิ้น อันเฉียบคมและชวนถกเถียงต่อในหนังสือเล่มนี้
1. บทนำ: ความขัดแย้งระยะเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย
2. ในวังวนแห่งการเปลี่ยนแปลง: เราจะคลี่คลายวิกฤตการเมืองได้อย่างไร?
3. ประเทศไทยจะก้าวข้ามวิกฤตการเปลี่ยนผ่านได้อย่างไร?: ยุทธศาสตร์เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นประชาธิปไตย
4. เศรษฐกิจแห่งวันพรุ่งนี้: หนทางสร้างการเติบโตที่เป็นธรรมทางสังคม ยั่งยืน และเป็นพลวัตเขียว เพื่อสังคมที่ดี
5. โทสะชนชั้นกลางคุกคามประชาธิปไตย
6. วาทกรรมการเมืองเชิงศีลธรรม ในฐานะอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
7. การต่อสู้กับคอร์รัปชันในสังคมเปลี่ยนผ่าน
8. ความฝันของสยามยามคณะรัฐประหารครองเมือง
9. บทส่งท้าย: การสร้างสังคมที่ดีในประเทศไทย
ชวนอ่านปกหลัง
– วิกฤตเปลี่ยนผ่าน –
ความขัดแย้งระยะเปลี่ยนผ่านคือความทุกข์จากความสำเร็จของตน เมื่อระเบียบการเมืองไม่สามารถปรับตัวให้ทันต่อความเป็นจริงใหม่ทางสังคม ในการข้ามพ้นวิกฤตเปลี่ยนผ่าน ระเบียบทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับความซับซ้อน ความหลากหลาย และความขัดแย้งอันถาวรของสังคมพหุนิยมสมัยใหม่
– ประชาธิปไตย –
‘ประชาธิปไตยแบบหนา’ คือเกมที่ดีที่สุดเท่าที่เรามีอยู่ ประชาธิปไตยที่ไม่มีการเลือกตั้งและการปกครองด้วยเสียงข้างมากย่อมไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยก็ต้องคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพลเมืองภายใต้หลักนิติธรรม และระบบตรวจสอบและถ่วงดุลเพื่อคัดคานการใช้อำนาจโดยมิชอบด้วย
– ความขัดแย้งเหลือง-แดง –
ทั้งสองฝ่ายต่างนำวิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการใช้ความรุนแรงมาใช้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตน ทั้งวาทกรรม ‘แดง’ และ ‘เหลือง’ ต่างส่งเสริมประชาธิปไตยที่บกพร่องและไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นประชาธิปไตย
– ชนชั้นกลาง –
ประชาธิปไตยไม่อาจอยู่รอดได้ หากปราศจากการสนับสนุนจากชนชั้นกลาง เราจำเป็นต้องดึงชนชั้นกลางที่เกรี้ยวกราดกลับเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพลังประชาธิปไตยอีกครั้งให้ได้
– คอร์รัปชัน –
คอร์รัปชันมิใช่ปัญหาศีลธรรมส่วนบุคคล แต่เป็นอาการของโรคเรื้อรังจากระบอบศักดินาราชูปถัมภ์ ในการต่อสู้กับคอร์รัปชัน เราจำเป็นจะต้องเป็นประชาธิปไตยให้มากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง และต้องทำให้การต่อสู้กับคอร์รัปชั่นเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ที่ใหญ่กว่า นั่นคือการต่อสู้เพื่อสร้างประชาธิปไตยและสร้างความยุติธรรมทางสังคม
– เศรษฐกิจแห่งวันพรุ่งนี้ –
เศรษฐกิจไม่ใช่จุดหมายปลายทางในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือเพื่อรับใช้เป้าหมายแห่งการสร้าง ‘สังคมดีเพื่อชีวิตดีถ้วนหน้า’ ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางการพัฒนาใหม่ สู่โมเดลการเติบโตที่เป็นธรรมทางสังคม ยั่งยืน และเป็นพลวัตเขียว เพื่อเสริมสร้างพลังความสามารถของทุกคนให้บรรลุศักยภาพสูงสุดตามเส้นทางที่ตนเลือกอย่างถ้วนหน้า
– พันธมิตรหลากสีเพื่อการเปลี่ยนแปลง –
เพื่อเอาชนะแนวร่วมฝ่ายธำรงรักษาสถานภาพเดิมที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง กลุ่มพลังก้าวหน้า เสรีนิยม และอนุรักษนิยมตาสว่าง ต้องรวมพลังกันเป็นพันธมิตรหลากสีเพื่อการเปลี่ยนแปลง พื้นที่กลาง ซึ่งทุกกลุ่มน่าจะยอมรับร่วมกันได้ คือการรวมพลังกันเพื่อ “สร้างสนามประชาธิปไตยในวันนี้สำหรับใช้แข่งขันกันอย่างเท่าเทียมต่อไปในวันหน้า”
– สัญญาประชาคมใหม่ –
ทางออกที่ทุกกลุ่มในสังคมเป็นผู้ชนะ มิอาจเกิดขึ้นผ่านการประนีประนอมเฉพาะในกลุ่มชนชั้นนำแบบปิดลับอีกต่อไป สังคมไทยต้องการสัญญาประชาคมใหม่ที่วางอยู่บนฐานของการประนีประนอมที่เปิดกว้างให้ทุกกลุ่มในสังคมมีส่วนร่วมอย่างถ้วนหน้า และเป็นสัญญาประชาคมที่สร้างระเบียบสมัยใหม่บนฐานของกฎหมายและเหตุผลสำหรับเป็นฐานที่มั่นแห่งการสร้าง ‘สังคมดีเพื่อชีวิตดีถ้วนหน้า’
สำนักพิมพ์: openworlds / มูลนิธิฟรีดริด แอเบร์ท
พิมพ์ครั้งแรก: ธันวาคม 2557
หน้า: 304 หน้า
ราคา: ไม่จำหน่าย
อ่าน คอร์รัปชั่น ประชาธิปไตย และสังคมไทยในยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง
คอร์รัปชั่นจึงเป็นปัญหาทางการเมืองเรื่องความไม่เท่าเทียมเชิงอำนาจ และความอยุติธรรมทางสังคม สาเหตุเชิงโครงสร้างของคอร์รัปชั่นมาจากโครงสร้างและระบอบการเมืองที่ผูกขาดอำนาจ ดังนั้น ในด้านหนึ่ง การร้องหาคนดีเพียงเท่านั้นไม่ช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น ต้องมองเชิงโครงสร้างและระบบโดยไปไกลกว่าเรื่องจริยธรรมส่วนบุคคล ในอีกด้านหนึ่ง คอร์รัปชั่นก็มิได้เป็นแค่ปัญหาเชิงเทคนิค มิได้มีแค่มิติทางเศรษฐศาสตร์เท่านั้น เราหวังพึ่งเทคโนแครตมาออกแบบระบบที่ดีแล้วหวังว่าปัญหาจะหมดสิ้นก็ไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องคำนึงถึงมิติทางการเมือง เช่น การต่อสู้เชิงวาทกรรม และความชอบธรรมเชิงอำนาจของการต่อสู้กับคอร์รัปชั่นด้วย
30 ปี ทีดีอาร์ไอ 30 ปี การพัฒนาเศรษฐกิจไทย
ผู้สัมภาษณ์: ปกป้อง จันวิทย์
ชวนอ่าน:
รวมบทสัมภาษณ์ว่าด้วยบทเรียนจากอดีตและความท้าทายแห่งอนาคตของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย จากคณะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารทีดีอาร์ไอหลายยุคสมัย
อ่านมุมมองของ อานันท์ ปันยารชุน เสนาะ อูนากูล อาณัติ อาภาภิรม ไพจิตร เอื้อทวีกุล อัมมาร สยามวาลา โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ วีรพงษ์ รามางกูร ณรงค์ชัย อัครเศรณี ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ นิพนธ์ พัวพงศกร และสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์
สำนักพิมพ์: สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
พิมพ์ครั้งแรก: พฤศจิกายน 2557
หน้า: 256 หน้า
ประชาธิปไตย คอร์รัปชั่น และการปฏิรูปประเทศไทย: จะใช้ประชาธิปไตยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้อย่างไร
เทปบันทึกภาพงานเสวนาสาธารณะ “ประชาธิปไตย คอร์รัปชั่น และการปฏิรูปประเทศไทย: จะใช้ประชาธิปไตยแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นได้อย่างไร” โดย Marc Saxer, สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, ประจักษ์ ก้องกีรติ และธานี ชัยวัฒน์ ดำเนินการเสวนาโดย ปกป้อง จันวิทย์
ผม แท็กซี่ และหลวงปู่ทวด
บนรถแท็กซี่ ขณะนั่งไปทำงานที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
แท็กซี่: พี่ … ผมมีหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เช่ามาจากปัตตานีเลย พี่สนใจเอาไปบูชาไหม 299 บาทเอง
ผม: ไม่เป็นไรครับ
แท็กซี่: 199 ก็ได้
ผม: ไม่สนใจครับ
แท็กซี่: 99 ละ
ผม: ไม่เอา
‘เสรีประชาธรรม’ กับ ‘หมู่บ้านไทยเจริญ’
หลังจากที่จอมพล ถนอม กิตติขจร ทำรัฐประหารยึดอำนาจตัวเองในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 หลังจากเพิ่งประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่ใช้เวลาร่างนับสิบปีในปี 2511 และจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2512 ซึ่งพรรคสหประชาไทยของท่านชนะเลือกตั้ง จอมพลถนอมก็เปลี่ยนสภาพจากนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งช่วงสั้นๆ กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้ระบอบเผด็จการทหารตามความคุ้นชิน
อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งคณบดีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่ลาไปทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร ได้เขียนจดหมายประวัติศาสตร์ขึ้นมาฉบับหนึ่ง คือ จดหมายของนายเข้ม เย็นยิ่ง เรียนนายทำนุ เกียรติก้อง ผู้ใหญ่บ้านไทยเจริญ ตีพิมพ์ครั้งแรกใน เศรษฐศาสตร์สาร ฉบับชาวบ้าน (ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 เดือนมีนาคม 2515) ของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียกร้องให้จอมพลถนอมเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญและจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว





