บทเสวนาว่าด้วยวงการสถาปนิกไทย ภายใต้ระบบทุนนิยมและระบบการศึกษาแบบไทยๆ ของ ปกป้อง จันวิทย์ ในงาน ASA สุดสัปดาห์วิชาการ เดือนมีนาคม 2550 ณ สมาคมสถาปนิกสยาม
ขอคิดด้วยคน
เล่มนี้ที่อยากดู: ย้อนรอยเสรีภาพด้วยหนัง
การร่างรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาครั้งนั้นคือการออกแบบสถาบันที่น่าสนใจที่สุดครั้งหนึ่งของโลกเลยนะครับ เป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเมืองในขณะนั้น มีการต่อสู้ทางความคิดในที่ประชุม ต่อรองและชิงไหวชิงพริบทางการเมืองกันอย่างสนุกระหว่างตัวแทนต่างๆ ต้องใช้เวลากว่า 5 เดือนถึงจะร่างเสร็จ แล้วต้องส่งให้แต่ละรัฐให้การรับรอง ตามด้วยสร้างความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งพอผมได้อ่านหนังสือที่พูดถึงเรื่องพวกนี้อย่าง American Creation (2007) ของ Joseph Ellis, America’s Constitution: A Biography (2006) ของ Akhil Reed Amar แล้วก็ The Summer of 1787 (2007) ของ David Stewart ผมรู้สึกอยากเห็นหนังที่เล่าเหตุการณ์ช่วงนั้นมากๆ
โอบามา: การเมืองใหม่ เศรษฐกิจใหม่
“การเมืองอเมริกาเป็นเรื่องเล่าที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเท่ากัน และเชื่อมั่นในหลักหนึ่งคนหนึ่งเสียง ประชาชนมีสิทธิในการกำหนดอนาคตของประเทศด้วยมือของเขาเอง ถ้าคุณเผชิญกับรัฐบาลนี้ ผู้นำคนนี้คุณไม่ชอบ วันเลือกตั้งคุณก็ลงโทษด้วยการไม่ลงคะแนน ระบบก็เดินไปข้างหน้า …”
“ระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกาเป็นระบอบที่อยู่บนฐานข้อสมมติที่ว่า การเมืองเป็นเรื่องของสามัญชนคนธรรมดา การเมืองไม่ใช่เรื่องของคนมีอำนาจ ไม่ใช่เรื่องของนักปราชญ์เมธี แต่เป็นเรื่องของคนธรรมดา และไม่มีใครผูกขาดความดีความงามความจริงไว้กับตัวเองฝ่ายเดียว …”
25 ปี สารคดี: มิตรรัก สารคดี
เสน่ห์ของ สารคดี คือเป็นนิตยสารที่ไม่ได้ทำให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอ่าน อ่านแล้วไม่ค่อยเห็นตัวตนของคนทำ ไม่เหมือนหนังสือบางเล่มที่เห็นตัวตนของคนทำคับพองออกมา ตอบสนองแต่อุดมการณ์หรือความเชื่อของตัวเอง สารคดีพยายามรักษาสมดุล บอกเล่าความจริงแบบไม่ตัดสินไม่สั่งสอน ใจกว้างพอที่จะเคารพความเห็นที่แตกต่าง เราต้องการมาตรฐานแบบนี้ในวงการหนังสือ รวมถึงวงการวิชาการซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับความรู้
ไม่ว่าคนรุ่นไหน เด็กหรือแก่ ก็ต้องการความรู้กันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเวลาคนกระหายความรู้ สารคดี ก็ยังเป็นบ่อน้ำบ่อแรกๆ ที่คนนึกถึง … 25 ปีของ สารคดี จึงไม่ได้เป็นแค่ชีวิตของนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่เป็นชีวิตของตลาดวิชาที่สำคัญแห่งหนึ่งของสังคมไทย
ชุมชนในโลกไซเบอร์
บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับ open online ตีพิมพ์ในหนังสือ นโยบายสาธารณะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ชุมชนเข้มแข็ง (มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ, ธันวาคม 2549) ในบท ชุมชนในโลกไซเบอร์
สื่อทางเลือกแบบ “ลงแขก” โมเดล และ “โอเพ่น ออนไลน์”
“อินเทอร์เน็ตจะเป็นเวทีของสื่อทางเลือก สื่อหลายประเทศก็เริ่มปรับตัวมาทางนี้ สื่อออนไลน์ ถ้าเราไม่อคติกับมัน ข้อดีคือทำให้สื่อขนาดเล็กมีที่ยืนได้ มีสื่อหลากหลายให้สังคมเลือกอ่าน ทำให้คนธรรมดาเป็นเจ้าของสื่อได้ โดยไม่มีทุน ผมไร้ทุนก็เป็นเจ้าของสื่อได้โดยเขียนบล็อก โนบอดี้ในสังคมก็เขียนบทความวิจารณ์การเมืองได้ ถ้าคุณเป็นของจริง ดีจริง ความเชื่อถือก็ตามมาเอง เป็นเวทีเปิดที่ทุกคนมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง อินเทอร์เน็ตช่วยทำให้สื่อเป็นของประชาชนวงกว้าง เพิ่มระดับความเป็นประชาธิปไตยให้แก่สื่อ ช่วยให้เกิดสื่อจำนวนมากเสียจนไม่มีใครสามารถผูกขาดความจริงไว้กับตัวได้ ใช้อำนาจควบคุมไม่ได้หมด”
Open at heart
“On open lives on the energy of those making it,” he said.
“If the contributors and the web editor still have the energy to do it, and as long as we have regular updates, it will live on.
“I don’t think On Open will live forever but I believe it will evolve to suit the circumstances (of the society). If one day my energy runs dry, there may be someone new and younger who will step in to work on it. We will just let it grow naturally.”
เปิดทางเลือก..นิตยสารออนไลน์
ความเป็นทางเลือกที่เกี่ยวโยงกับรูปแบบออนไลน์นั้น ปกป้องบอกว่า “สื่อออนไลน์มีประโยชน์ในแง่ มันเพิ่มความเป็นประชาธิปไตยให้กับสื่อในแง่มันเปิดให้คนไร้อำนาจเป็นเจ้าของสื่อได้ ข้อจำกัดมันต่ำการกีดกันในการเข้าสู่ความเป็นเจ้าของสื่อมันน้อย นี่คือข้อดีของสื่อออนไลน์ทั้งในฐานะคนผลิตและคนรับสื่อ มันเปิดโอกาสให้คนพิสูจน์ตัวเองได้ …”
นิตยสาร open ฉบับออนไลน์ บน “ความคลี่คลาย” ของสื่อทางเลือก
“ทีมงาน open online คิดกันแต่แรกว่า ไม่เอาเว็บบอร์ด เราอยากทำตัวเป็น ‘ห้องสมุด’ มากกว่า ‘ร้านกาแฟ’ เพราะสื่ออินเทอร์เน็ตหลายสื่อเป็นร้านกาแฟแล้วน่ะ นั่งคุยกันแล้วก็นินทา คุยกันเอามัน ไม่ต้องรับผิดชอบความเห็นตัวเอง แต่การอ่านทำให้คุณต้องคิด สังเคราะห์ แล้วเขียนออกมา สังคมนี้ไม่ค่อยมีพื้นที่เงียบๆให้เราได้นั่งอ่านแล้วครุ่นคิดกับตัวเอง open online จึงขอเป็นแหล่งรวมหนังสือหลายๆเล่ม จากคนเขียนหลายคน หลายความคิด ให้ผู้อ่านได้เข้ามานั่งอ่านกัน เราไม่มีจุดยืนรวมหมู่ เพราะนักเขียน open ไม่ได้คิดเหมือนกันหมด แต่มีความหลากหลายในหน้าที่การงาน และความเห็น”
คุยเรื่องการ์ตูนกับ mud
กรณีแบนการ์ตูนเป็นเรื่องเดียวกับกรณีแบนหนังของคุณอภิชาตพงศ์ (วีระเศรษฐกุล) กรณีจับนิยายโรมานซ์ในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ กรณีภาพวาดภิกษุสันดานกา มีคนทำตัวเป็นคุณพ่อรู้ดี แต่จริงๆแล้วไม่รู้ แถมงี่เง่าคับแคบไร้รสนิยมอีกต่างหาก มันทำลายวงการศิลปะ ทำลายความคิดสร้างสรรค์ สารที่ผ่านสื่อได้ต้องมี “ความเป็นไทย(ๆ)” (เน้นเสียง) วงการศิลปะบ้านเราเลยไปไหนไม่ได้ งานก็วนเวียนอยู่ในอ่าง เชิดชูผู้คนบางแบบและคุณธรรมบางอย่าง นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะตรรกะแบบนี้มันเชื่อมโยงกันไปหมด ทั้งศิลปะ การเมือง และเศรษฐกิจ